โบอิ้งชนะประมูลการผลิตเครื่องบินขับไล่F-47
ทรัมป์ประกาศสัญญากับโบอิ้งในการผลิตเครื่องบินขับไล่ F-47 รุ่นใหม่......
กองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้จัดทำสื่อเพื่อแสดงให้เห็นในแพลตฟอร์มของ Next Generation Air Dominance (NGAD) นั่นคือ เครื่องบินรบ F-47 เนื่องด้วยเมื่อวันศุกร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2568 ประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศว่ากองทัพอากาศได้เลือกบริษัทโบอิ้งในการผลิตเครื่องบินขับไล่รุ่นต่อไป คือ F-47
ประธานาธิบดีทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันศุกร์ว่า เขาได้ลงนามสัญญากับบริษัทโบอิ้ง เพื่อผลิตเครื่องบินรบ F-47 รุ่นใหม่ เครื่องบินใหม่ที่ทรงพลังยิ่งขึ้นจะมาแทนที่เครื่องบินรบ F-22 รุ่นก่อนหน้า ซึ่งใช้งานมาประมาณ 20 ปีแล้ว
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศกับผู้สื่อข่าวในห้องโอวัลออฟฟิศว่า "กองทัพอากาศจะมอบสัญญา (...) ให้กับโบอิ้ง" เขากล่าวว่า “ไม่มีอะไรในโลกที่สามารถแข่งขันกับเครื่องบินรุ่นใหม่ที่เรียกว่า F-47 ได้”ทรัมป์กล่าว(โดยเฉพาะ)ว่า "ที่นายพลเลือกชื่อนี้ และ F-47 ก็เป็นหมายเลขที่ดี"
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เฮกเซธ ซึ่งเข้าร่วมการแถลงข่าวร่วมกับทรัมป์ กล่าวว่า เครื่องบินรุ่นใหม่นี้ "มันจะส่งสารไปโดยตรงและชัดเจนไปยังพันธมิตรของเราว่า เราจะไม่ไปไหน และจะส่งสารโดยตรงและชัดเจนไปยังศัตรูของเราว่า เราจะสามารถฉายอำนาจของเราไปทั่วโลกโดยไม่มีข้อจำกัดสำหรับคนรุ่นต่อๆ ไป" ตามข่าวในปี 2561 สำนักงานงบประมาณรัฐสภาประมาณการว่าเครื่องบินรุ่นใหม่นี้อาจมีราคาสูงถึงลำละ 300 ล้านดอลลาร์
ซึ่งแพงกว่าเครื่องบินหลายลำที่มีอยู่ในคลังแสงของสหรัฐฯ ในปัจจุบันมาก ดังนั้น ในระหว่างบริหารของไบเดน แผนการของสหรัฐฯ ที่จะทดแทนเครื่องบินรบ F-22 ถูกระงับในปี 2567 เนื่องด้วยเหตุผลด้านต้นทุนเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศสหรัฐฯ กล่าวเมื่อต้นเดือนนี้ว่า การศึกษาวิจัยที่ดำเนินการหลังจากมีการหยุดชะงักของ NGAD
และ NGAD ยืนยันว่า "ความเหนือกว่าทางอากาศมีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต" พล.ต. โจเซฟ คังเคิล กล่าวในการประชุมป้องกันภัยทางอากาศที่รัฐโคโลราโดว่า "ผลการศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เราเห็นได้ว่า เราได้พยายามใช้วิธีการต่างๆ มากมาย แต่ไม่มีอะไรดีไปกว่าของ NGAD ในการบรรลุความเหนือกว่าทางอากาศในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันกันสูงเช่นนี้"
เครื่องบินรบ F-22 รุ่นก่อนหน้าเปิดตัวเมื่อปีพ.ศ. 2548และติดตั้งเทคโนโลยีที่ทำให้เครื่องบินมีความสามารถในการพรางตัวและควบคุมได้อย่างคล่องตัวสูง แต่สำหรับความสามารถของ F-47 รุ่นใหม่ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด โดยทรัมป์อ้างว่ามัน "แทบจะมองไม่เห็น" คล่องตัวกว่า และทรงพลังกว่าเครื่องบินรุ่นอื่นๆ และสามารถ "บรรทุกโดรนได้มากเท่าที่ต้องการ ซึ่งเครื่องบินรุ่นอื่นๆ ไม่สามารถทำได้"
และงานนี้สรุปว่าส้มได้ไปตกที่ บริษัทโบอิ้ง... เท่าที่ผ่านๆมา บริษัทโบอิ้งอยู่ในภาวะวิกฤตตั้งแต่ปีที่แล้วเนื่องจากปัญหาคุณภาพการผลิตและการหยุดงานประท้วงที่กินเวลานานกว่า 50 วันส่งผลให้โรงงานหลักทั้งสองแห่งต้องหยุดงาน
ต่อมา วันศุกร์ เวลาประมาณ 16:25 น. ตามเวลาประเทศไทย เมื่อได้รับข่าวดี ราคาหุ้นของบริษัทโบอิ้งจึงพุ่งขึ้น 4.78% ไปอยู่ที่ 181.09 ดอลลาร์บนตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กในทันที
















