การประหารที่สัตหีบโดยทหารเรือ
การประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าในอดีตนั้น นอกจากที่ประหารโดยกรมราชทัณฑ์จำนวน 319 รายแล้ว ยังมีผู้ที่ถูกประหารโดยตำรวจและทหารอีกหลายราย ดังเช่นรายนี้
วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ.2514 เวลาประมาณ 01.00 น. นายสมศักดิ์,เทพ,แขก,ทอก ขวัญแก้ว อายุ 28 ปี ได้ก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์ นาวาอากาศโท แฮรี่ เอ็มพั่งค์ นายทหารอากาศสหรัฐอเมริกาประจำสนามบินอู่ตะเภา ด้วยการใช้อาวุธปืนยิงจนถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่บริเวณหมู่ที่4 ตำบลสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวได้หลังก่อเหตุไม่นาน นายสมศักดิ์รับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐานแวดล้อม
ประวัติของนายสมศักดิ์ จบการศึกษาระดับม.ศ.3 ที่โรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แล้วไปทำงานที่สนามบินอู่ตะเภา ต่อมาได้ออกจากงานแล้วประพฤติตนเกเร ทำตัวเป็นมิจฉาชีพ ก่อคดีไว้หลายคดี และมาก่อเหตุยิงนายทหารอากาศอเมริกันตายเป็นรายสุดท้าย
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2514 จอมพลถนอม กิตติขจร หัวหน้าคณะปฏิวัติ มีคำสั่งตามคำประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ให้ผู้บัญชาการสถานีทหารเรือสัตหีบ เป็นประธานทำการประหารชีวิตด้วยการยิงเป้านายสมศักดิ์ ที่บริเวณหลักกิโลเมตรที่8 ต.เขาตะแบก อ.สัตหีบ ห่างจากที่เกิดเหตุนายทหารสหรัฐถูกสังหารเพื่อชิงทรัพย์ประมาณ 1.5 กิโลเมตร
คณะกรรมการประหารประกอบด้วย
พล.ร.ต.สมุทร สหนาวิน ผบ.สถานีทหารเรือสัตหีบ เป็นประธาน
พล.ต.ต.จำรูญ ดิสมาน ผบก. ภ. เขต2 เป็นกรรมการ
น.อ.พิมล หทยีช รน. รอง ผอ. รพ.อาภากรเกียรติวงศ์ เป็นกรรมการ
ร.อ.ขวัญ ศรีม่วง รน. ผบ.เรือนจำทหารเรือสัตหีบ เป็นกรรมการ
ซึ่งการประหารในครั้งนี้ได้ปกปิดเป็นความลับไม่ให้นายสมศักดิ์รับรู้ว่าจะถูกประหารชีวิต แม้กระทั่งผู้คุมซึ่งเป็นทหารเรือที่พานายสมศักดิ์มาตามคำสั่งก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ได้เปิดเผยให้ประชาชนรับรู้ว่าจะมีการประหาร ณ ที่ใกล้จุดเกิดเหตุ จึงมีประชาชนที่ทราบข่าวจำนวนมากแห่กันมาดูการยิงเป้าครั้งนี้ (สาเหตุที่ไม่ยิงเป้าในจุดเกิดเหตุเนื่องจาดจุดนั้นเป็นที่โล่ง จึงต้องเลื่อนออกมาประหารบริเวณที่มีภูเขาบังกระสุน เพื่อป้องกันกระสุนลูกหลงได้โดนคนอื่น)
ในช่วงเช้าก่อนมีการเบิกตัวนายสมศักดิ์มายังลานประหารนั้น นายสมศักดิ์ได้บอกกับผู้คุมว่าหนาวเหลือเกิน ขอร้องให้ผู้คุมช่วยหาผ้าห่มให้ด้วย ซึ่งผู้คุมก็รับปากว่าจะหาให้ โดยที่นายสมศักดิ์ไม่รู้ว่าจะไม่มีโอกาสได้ห่มผ้าอีกต่อไปแล้ว
เวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ผู้คุมของทหารเรือได้พานายสมศักดิ์ซึ่งแต่งกายด้วยเสื้อแขนยาวพับแขนสีขาว กางเกงสีกากี มีเสื้อยืดคอกลมสีเทาอยู่ชั้นใน ถุงเท้าและรองเท้าสีน้ำตาล มือทั้งสองสวมกุญแจมือ มายังพื้นที่ที่จะทำการประหาร เจ้าหน้าที่ได้ทำการพิมพ์ลายนิ้วมือและให้เซ็นชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมือ เสร็จแล้วได้ถ่ายรูปจำนวน 3 ท่า ซึ่งในตอนนี้เองที่นายสมศักดิ์เริ่มรู้ตัวว่ากำลังจะโดนประหารชีวิต แต่ก็พยายามรักษาอาการตนเองได้อย่างสงบ
หลังจากพิมพ์ลายนิ้วมือและถ่ายรูปเสร็จ พระครูประดับ จันทโชโต เจ้าอาวาสวัดราษฎร์สามัคคี อ.สัตหีบ ได้แสดงเทศนาธรรมให้นายสมศักดิ์ฟัง 1 กัณฑ์ โดยกล่าวเป็นคติธรรมว่าคนเราหลีกเลี่ยงความตายไม่พ้น ไม่ว่าจะตายดีหรือตายชั่ว ขอให้ปลงให้ตก ให้นึกถึงคุณพระคุณเจ้าและบิดามารดา ให้ใช้กรรมที่ทำไว้ด้วยใจปกติ ซึ่งนายสมศักดิ์นั่งพนมมือฟังด้วยอาการสงบ โดยมีดอกไม้ธูปเทียนถือไว้ในมือด้วย เมื่อพระเทศน์จบแล้ว นายสมศักดิ์ได้กล่าวคำ สาธุ พร้อมกับทรุดตัวก้มลงกราบพระ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอาบหน้า นายสมศักดิ์ได้ยกชายจีวรของพระขึ้นเช็ดน้ำตา พร้อมกับควักเงินจากกระเป๋ากางเกงข้างหลังด้านขวาจำนวน 12 บาทถวายพระ เพื่อเป็นการทำบุญครั้งสุดท้ายในชีวิต
หลังจากเสร็จพิธีทางศาสนา เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 3 นาย ได้เข้ามาคุมตัวนายสมศักดิ์ออกจากกระโจมที่ใช้ทำพิธี พาเดินไปสู่หลักประหารซึ่งอยู่บริเวณเชิงเขาตะแบก ท่านกลางสายตาประชาชนที่แห่กันมาดูจำนวนมากนับหมื่นคน นายสมศักดิ์ได้ร้องขอบุหรี่สายฝนจากตำรวจมาสูบเป็นมวนสุดท้าย พร้อมกับกล่าวกับตำรวจในลักษณะว่าไม่กลัวที่จะถูกยิงเป้า “แค่นี้เอง ผมไม่รู้สึกอะไรหรอกครับ” ขณะโดนคุมตัวเดินผ่านฝูงชนที่มามุงดู นายสมศักดิ์ได้ยกมือโบกเหมือนประกาศอำลาทุกคนด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่หวาดหวั่น มีเพียงแววตาเท่านั้นที่ดูออกว่ากำลังเศร้า
เมื่อมาถึงหลักประหาร เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายสมศักดิ์ไปมัดกับหลักไม้กางเขน โดยหันหน้าเข้าหาหลักมีภูเขากั้นอยู่ข้างหน้า ส่วนด้านหลังมีผ้าขาวกั้นเป็นกล่อง มีรูเจาะไว้ตรงกลางผ้าขาวเป็นวงกลม พล.ต.ต.จำรูญ ดิสมาน กรรมการ เป็นผู้เข้าไปอ่านคำสั่งคณะปฏิวัติให้นายสมศักดิ์ทราบ
สารวัตรทหารเรือผู้ทำหน้าที่เพชฌฆาตจำนวน 5 นาย ได้มายืนเรียงแถวหน้ากระดานหันหน้าเข้าหาหลักประหาร ห่างประมาณ 10 เมตร สารวัตรทหารทั้งหมดยกปืนขึ้นลำลูกเลื่อนส่งกระสุนเข้ารังเพลิง แล้วเล็งไปที่รูวงกลมกลางกล่องผ้าขาวข้างหน้าพวกเขา ซึ่งปืนทุกกระบอกได้บรรจุกระสุนไว้กระบอกละ 6 ลูกพล.ร.ต.สมทร สหนาวิน ประธานคณะกรรมการประหารเป็นผู้ออกคำสั่ง ท่านกลางความเงียบสนิทของฝูงชนที่คอยจับตาดูการยิงเป้าอย่างระทึก “ยิง”
สิ้นเสียงสั่งยิงดังขึ้นพร้อมกับเสียงปืนที่ดังรัวขึ้นพร้อมกันทั้ง 5 กระบอก กระสุนปืนทั้ง 30 นัดวิ่งตรงเข้าสู่เป้าหมายภายในกล่องผ้าขาวอย่างรวดเร็วจนหมด ทำการประหารเมื่อเวลา 14.18 น. หลังจากเสียงปืนสงบแล้ว เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจดูร่างของนายสมศักดิ์ พบว่าได้สิ้นใจตายไปแล้ว ที่ร่างโดนกระสุนปืนทั้งสิ้น 25 นัด มีพลาดเป้าเพียง 5 นัดเท่านั้น จึงนำร่างไร้วิญญาณลงจากหลักประหารวางไว้ที่หน้าหลักนั้นเอง
หลังจากเสร็จสิ้นการประหารแล้ว เจ้าหน้าที่ได้อนุญาตให้แม่และน้องสาวของนายสมศักดิ์อีก 3 คน ซึ่งเดินทางมาจากกรุงเทพฯ เข้าไปดูศพได้ ปรากฏว่าทั้งสี่คนต่างโผเข้ากอดศพนายสมศักดิ์แล้วร่ำไห้อย่างน่าเวทนา จากนั้นได้ช่วยกันนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดราษฎร์สามัคคี อ.สัตหีบ ในเย็นวันเดียวกันนับเป็นการประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าครั้งหนึ่งของไทย ที่ทำการประหารต่อหน้าประชาชนจำนวนมาก ในสถานที่ใกล้จุดเกิดเหตุ โดยมีทหารเรือทำหน้าที่เพชฌฆาต หลังจากฆาตกรก่อเหตุได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น
จุดประหารนักโทษ ริมถนนสุขุมวิท หลังการยิงเป้าใหม่ๆ คนในชุมชน กับคนที่เดินทางผ่านถนนสายนี้ตอนค่ำๆ จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเห็นชายชุดขาว ร่างสูงใหญ่ ปรากฏตัวให้เห็นตรงเชิงเขาที่เป็นจุดสังหารอยู่บ่อยๆ” เล่ากันว่ามันเหมือนมีอาถรรพณ์ให้รถที่แล่นผ่านจุดนี้ มักจะประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตประจำทุกปี คนท้องถิ่นนี้จึงเห็นสมควรสร้างศาลขึ้นมาเป็นสื่อสัญญาณการแผ่ส่วนบุญกุศลอโหสิกรรมให้ โดยไม่คิดจองเวรจองกรรมกันอีกต่อไป บริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) ณ เขาแขกสัตหีบ ริมถนนสุขุมวิท ขาเข้าสัตหีบ กม.ที่ 183หมู่ที่ 6 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่สำนักงานก่อสร้างทางที่ 2 กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม กำลังก่อสร้างปรับปรุง ขยายช่องจราจรเป็น 6 - 11 ช่องจราจร รวมระยะทางประมาณ 10 กม.ซึ่งบริเวณดังกล่าวจะต้องตัดผ่านศาลเจ้าพ่อเขาโค้ง หรือ ศาลเจ้าพ่อแขกหรือ จุดที่เคยใช้เป็นที่ประหารโดยวิธีการยิงเป้าฆาตกรฆ่าชิงทรัพย์นายทหารอากาศชาวอเมริกันเมื่อในอดีต
อ้างอิงจาก: รวมพล คนรักทหารเรือ (I Love Navy) , พิพิธภัณฑ์กรมทางหลวง