10 สถานที่ท่องเที่ยวที่แปลกใหม่ในประเทศไทยของเรา (ที่คุณอาจไม่เคยรู้)
ในบทความนี้ ผม "สาระน่ารู้ใหม่วันนี้" จะพาเราจะมาสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวที่แปลกใหม่ในประเทศไทยของเรากันนะครับทุกคน
1. ภูชี้ฟ้า:
ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงราย ภูชี้ฟ้าเป็นยอดเขาที่น่าทึ่งพร้อมทิวทัศน์มุมกว้างของภูมิทัศน์โดยรอบ เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมคือช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่หมอกสร้างบรรยากาศที่ลึกลับ นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปบนยอดเขาและชมพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งแต่งแต้มท้องฟ้าด้วยสีส้มและสีชมพูอันสดใส
2. อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย:
ในขณะที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่แห่กันไปที่วัดที่มีชื่อเสียงของอยุธยาและสุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์พิมายในจังหวัดนครราชสีมาถือเป็นอัญมณีที่ซ่อนอยู่ วัดเขมรโบราณแห่งนี้มีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 11 และถือเป็นซากปรักหักพังที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย สวนสาธารณะแห่งนี้มีผู้คนพลุกพล่านน้อยกว่าในจังหวัดอื่นๆ ทำให้ผู้มาเยือนได้สำรวจงานแกะสลักและสถาปัตยกรรมอันวิจิตรบรรจงในบรรยากาศอันเงียบสงบ
3. เกาะหมาก:
เกาะหมากมักถูกบดบังด้วยเกาะยอดนิยมอย่างภูเก็ตและเกาะพีพี เกาะหมากเป็นเกาะเล็กๆ ที่เงียบสงบตั้งอยู่ในอ่าวไทย เกาะหมากมีน้ำทะเลใสดุจคริสตัล หาดทรายขาว และพื้นที่เขียวขจี จึงเป็นสวรรค์สำหรับผู้รักธรรมชาติและผู้แสวงหาความสงบและผ่อนคลาย เกาะนี้เป็นที่ตั้งของรีสอร์ทเชิงนิเวศหลายแห่งที่มอบประสบการณ์ที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
4. ปราสาทหินเมืองต่ำ:
ปราสาทหินเมืองต่ำ ตั้งอยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นอีกหนึ่งซากปรักหักพังของเขมรที่ซ่อนอยู่ซึ่งนักท่องเที่ยวมักมองข้าม กลุ่มวัดโบราณแห่งนี้มีโครงสร้างหินทรายอันน่าทึ่งที่ประดับประดาด้วยงานแกะสลักอันวิจิตรบรรจง จุดเด่นของสถานที่นี้คือหอคอยกลางซึ่งล้อมรอบด้วยหอคอยขนาดเล็กสี่แห่ง ซึ่งเป็นตัวแทนของภูเขาพระสุเมรุในตำนาน
5. น่าน:
น่านซึ่งซ่อนตัวอยู่ในภาคเหนือของประเทศไทยเป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์และงดงามซึ่งนำเสนอวัฒนธรรมไทยแบบดั้งเดิม เมืองนี้ขึ้นชื่อในเรื่องวัดที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี เช่น วัดภูมินทร์ และวัดพระธาตุแช่แห้ง ซึ่งจัดแสดงสถาปัตยกรรมสไตล์ล้านนาอันงดงาม นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจตลาดท้องถิ่น ขี่จักรยานไปตามชนบทที่สวยงาม และเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวน่าน
6. พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ:
พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณตั้งอยู่นอกกรุงเทพฯ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่จัดแสดงวิสัยทัศน์ทางศิลปะของนักธุรกิจไทย เล็ก วิริยะพันธ์ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในโครงสร้างช้างสามเศียรขนาดยักษ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของภูเขาเอราวัณของเทพเจ้าในศาสนาฮินดู ภายในผู้เยี่ยมชมสามารถสำรวจสามชั้นที่เต็มไปด้วยงานศิลปะอันวิจิตรบรรจง วัตถุทางศาสนา และโบราณวัตถุจากยุคต่างๆ ของประวัติศาสตร์ไทย
7. อุทยานแห่งชาติผาแต้ม:
ตั้งอยู่ในจังหวัดอุบลราชธานี อุทยานแห่งชาติผาแต้มมีชื่อเสียงในด้านการก่อตัวของหินที่น่าทึ่งและภาพวาดหินยุคก่อนประวัติศาสตร์ อุทยานแห่งนี้มีเส้นทางเดินป่าหลายเส้นทางซึ่งนำไปสู่จุดชมวิวที่มองเห็นแม่น้ำโขงและประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว จุดเด่นของอุทยานคือหน้าผาผาแต้มซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชมภาพเขียนหินโบราณที่มีอายุนับพันปี
8. สังขละบุรี:
ตั้งอยู่ในจังหวัดกาญจนบุรี สังขละบุรีเป็นเมืองเล็กๆ ที่ผสมผสานวัฒนธรรมไทย มอญ และพม่าได้อย่างมีเอกลักษณ์ เมืองนี้มีชื่อเสียงในเรื่องสะพานไม้มอญ ซึ่งเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจตลาดท้องถิ่น เยี่ยมชมวัดมอญ และนั่งเรือในทะเลสาบวชิราลงกรณ์อันงดงาม
9. อุทยานแห่งชาติภูกระดึง:
สำหรับนักเดินทางที่รักการผจญภัย อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จังหวัดเลย เป็นสถานที่ที่ต้องไปเยือน อุทยานแห่งนี้เป็นที่ตั้งของภูกระดึง ซึ่งเป็นภูเขาที่มีเส้นทางเดินป่าที่ท้าทายและทิวทัศน์อันตระการตาจากยอดเขา นักท่องเที่ยวสามารถตั้งแคมป์ค้างคืนบนภูเขาหรือพักในที่พักพื้นฐานที่อุทยานเตรียมไว้ให้
10. ภูทอก:
ตั้งอยู่ในจังหวัดหนองคาย ภูทอกเป็นภูเขาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวพร้อมทิวทัศน์อันน่าทึ่งของชนบทโดยรอบ ภูเขาแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องหน้าผาสูงชันและแนวหินที่โดดเด่น นักท่องเที่ยวสามารถปีนขึ้นบันไดไม้และบันไดต่างๆ เพื่อไปยังจุดชมวิวด้านบน ซึ่งพวกเขาสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์มุมกว้างและชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม
นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ของอัญมณีที่ซ่อนอยู่และสถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นเอกลักษณ์ที่ประเทศไทยนำเสนอ การสำรวจจุดหมายปลายทางที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักเหล่านี้จะไม่เพียงแต่มอบประสบการณ์การเดินทางที่แท้จริงมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยสนับสนุนท้องถิ่นอีกด้วย












