ประวัติ 3 มนุษย์กินคนที่มีอยู่จริงในต่างประเทศในต่างประเทศ
ประวัติ 3 มนุษย์กินคนที่มีอยู่จริงในต่างประเทศในต่างประเทศ
การกินเนื้อมนุษย์อาจเกิดขึ้นภายในชุมชน (endocannibalism) หรืออาจเกิดขึ้นกับคนต่างชุมชน (exocannibalism) กรณีที่เกิดขึ้นกับคนในชุมชน อาจหมายถึงการแสดงพิธีกรรม เช่น การกินเนื้อของศพที่เป็นญาติพี่น้องเพื่อแสดงถึงความอาลัย ส่วนการกินเนื้อของคนนอกชุมชน อาจหมายถึงการแสดงชัยชนะ เช่น การฆ่าศัตรูและกินเนื้อ
แล้วมีใครบ้างในต่างแดนที่กินเนื้อมนุษย์ด้วยกันเอง แล้วเหตุผลและแรงจูงใจในการทำสิ่งเหล่านั้นคืออะไร??? ขอนำเสนอประวัติมนุษย์กินคนที่เคยเป็นข่าวโด่งดังในต่างแดนมานำเสนอ
- อิสเซ ซะงะวะ เป็นชายชาวญี่ปุ่นซึ่งฆ่าและกินเนื้อของเรเน่ ฮาร์ตเวลต์ (Renée Hartevelt) เพื่อนหญิงชาวฮอลันดาในปี 2524 ครั้นได้รับการปล่อยตัวแล้วก็ได้มีชื่อเสียงอยู่ในประเทศญี่ปุ่นโดยอาศัยความที่สาธารณชนสนใจในการกระทำความผิดของเขาเป็นทางทำมาหาเลี้ยงชีพ
สำหรับเรื่องราวการก่อฆาตกรรมสุดสยองของชายญี่ปุ่นรายนี้เกิดขึ้นระหว่างที่นายซากาวะศึกษาต่อในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ก่อนรู้จักกับน.ส.ฮาร์ตเวลต์และคบหากัน ในปี 2524 นายซากาวะชวนหญิงสาวมาที่บ้านพัก จากนั้นลงมือสังหารโดยใช้ปืนยิงที่คอ
ต่อมานายซากาวะข่มขืนร่างไร้วิญญาณของน.ส.ฮาร์ตเวลต์ และค่อยๆ ตัดชิ้นเนื้อออกไปกินในช่วง 3 วันหลังจากนั้น นายซากาวะพยายามนำร่างที่เหลือของหญิงสาวไปทิ้งในสวนสาธารณะบัวส์ เดอ บูโลญ แต่ถูกตำรวจจับกุม
หลังจากเจ้าหน้าที่นำตัวนายซากาวะเข้าสู่กระบวนการสอบสวน ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชมีความเห็นว่านายซากาวะมีภาวะทางจิตใจที่ไม่เหมาะหรือไม่สามารถเข้ารับการพิจารณาคดีได้ จึงส่งไปควบคุมตัวที่สถาบันโรคจิตเวชในฝรั่งเศส และถูกกส่งตัวกลับญี่ปุ่น ประเทศบ้านเกิด
- อาร์มิน เมเวส ช่างเทคนิคคอมพิวเตอร์ชาวเยอรมันวัย 42 ซึ่งได้รับฉายาว่ามนุษย์กินคนแห่งโรเธนบวร์ก เยอรมัน ถูกศาลตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต แต่รายนี้มาแปลกเพราะเหยื่อเป็นคนยินยอมให้ฆ่าและกินตัวเองได้ เรื่องราวจากในคดีจริงนั้น อาร์มิน เมเวส ได้ใช้มุมมืดของไซเบอร์สเปสเป็นที่หาเหยื่อประมาณว่าทิ้งข้อความว่า “ต้องการหาเหยื่อเหยื่อ' ที่เป็นชายมีอายุระหว่าง 18-25 ปี ให้มาพบแล้วจะกินเป็นอาหาร สนใจติดต่อมาที่ XXX) จนกระทั้งได้พบกับเหยื่อของเขาคือเบิร์นด์ เจอร์เกน แบรนเดส (Bernd-Juergen Brandes ) ชายวัย 43 ปีซึ่งมีอาชีพเป็นผู้จัดการฝ่าย IT ในบริษัทแห่งหนึ่ง หลังจากที่ได้ตอบรับคำโฆษณาของเขาที่ฝากทิ้งไว้ในอินเทอร์เน็ต โดยผ่านทางการพบปะบนอินเตอร์เน็ตเมื่อปี 2001 แบรนเดส พูดว่าเขากำลังมองหาคนที่สามารถช่วยทำลายร่างกายของเขาให้สิ้นซากโดยที่ไม่ ทิ้งร่องรอยใดๆ เอาไว้ ซึ่ง อาร์มิน เมเวส ตอบสนองโดยการใช้มีดแทงลำคอของเขา
แขวนเขาเอาไว้บนตะขอแขวนเนื้อ หั่นศพของเขาออกเป็นชิ้นๆ และนำเนื้อบางส่วนมากิน
ภายหลังศาลตัดสินให้เขาต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต ถึงแม้ว่าเขาจะอ้างว่า แบรนเดส เป็นคนที่ขอให้เขากินเนื้อของตัวเองก็ตาม คดีของอาร์มิน เมเวส ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์และกระแสความสนใจอย่างกว้างขวางโดยถูกนำมาเขียนเอาไว้ในหนังสือหลายเล่ม นอกจากนี้ยังนำมาทำเป็นภาพยนตร์และแต่งเพลงอีกด้วย
- เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ เป็นชายชาวอเมริกาในรัฐวิสคอนซินซึ่งฆ่าคนไปถึง 17 ศพโดยชิ้นส่วนของเหยื่อถูกแช่ในตู้เย็นและอื่นๆนอกจากนั้นยังเชื่อว่า เขากินเนื้อมนุษย์ ต่อมาเขาถูกจับกุมและตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิตแต่เวลาต่อมาก็ถูกนักโทษคนอื่นฆ่าตายขณะทำความสะอาดในเรือนจำ
ดาห์เมอร์ก่อเหตุฆาตกรรมครั้งแรกในปี ค.ศ.1978 ขณะอายุเพียง 18 ปี จนกระทั่งถูกจับกุมในปี ค.ศ.1991 รัฐวิสคอนซิน หลังจากที่ชายแอฟริกันอเมริกันคนหนึ่งรอดพ้นจากเงื้อมมือของเขา เมื่อเหยื่อนำตำรวจกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ของฆาตกร พวกเขาพบรูปถ่ายศพที่แยกชิ้นส่วน หัว และอวัยวะเพศชายถูกตัดขาดอีกหลายราย อ่างล้างมือเต็มไปด้วยกรดที่ดาห์เมอร์เคยใช้ปลิดชีพเหยื่ออีก 17 ศพ
ย้อนกลับไปสามปีก่อนถูกจับกุม หลังจากดาห์เมอร์ลาออกจากวิทยาลัยและกองทัพบก เขาอาศัยอยู่กับสมาชิกในครอบครัวหลายคน ต่อมา ถูกยายไล่ออกจากบ้าน จึงตัดสินใจตั้งรกรากในอพาร์ตเมนต์ในรัฐวิสคอนซิน
ซึ่งเขาเคยถูกตัดสินลงโทษในข้อหาวางยาและล่วงละเมิดทางเพศเด็ก หลังจากรับใช้ชาติได้เพียงปีเดียว ก็ได้รับการปล่อยตัวและยังคงดื่มสุราอย่างต่อเนื่อง
รายละเอียดการพิจารณาคดี มีการระบุว่าเขา “กิน” ส่วนต่างๆ ของร่างกายเหยื่อ และถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรค Necrophilia (โรคทางจิตเวชชนิดรุนแรง) ซึ่งผู้ป่วยมีลักษณะชอบ “ร่วมรักกับศพ” ปีค.ศ.1992 ดาห์เมอร์ถูกตัดสินจำคุก 957 ปี แต่ถูกเพื่อนนักโทษฆ่าตายหลังจากถูกขังเพียงสองปี












