"ร้านขายของชำ" เมินเข้าร่วมโครงการ "แจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท" หวั่นโดนเก็บภาษีย้อนหลัง
ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ ต.สีมุม อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นชุมชนกึ่งชนบทกึ่งเมือง อยู่ห่างจากใจกลางอำเภอเมืองนครราชสีมา ประมาณ 15 กิโลเมตร พบว่าประชาชนส่วนใหญ่อยากให้รัฐบาลขยายเขตการใช้เงินดิจิทัลให้ครอบคลุมทั้งอำเภอ เนื่องจากในพื้นที่ชุมชนแทบจะไม่มีร้านค้าใดที่สามารถใช้เงินดิจิทัลได้เลย
เช่น ครอบครัวนายประสงค์ อายุ 66 ปี กล่าวว่า ครอบครัวของตนเองนั้น มีสมาชิกอยู่ทั้งหมด 4 คน หากได้เงินดิจิทัลก็จะได้ทั้ง 4 คน เพราะอายุเกิน 16 ปีกันหมดแล้ว ถ้าได้เงินจำนวนนี้มาใช้ ก็อยากจะนำไปใช้ซื้อปุ๋ย ซื้อยา มาใส่นาข้าวที่ปลูกไว้ทั้งหมด 50 ไร่ แต่ปัญหาคือในหมู่บ้านไม่มีร้านขายปุ๋ย ขายยาสำหรับใช้ในการเกษตรเลย มีเพียงร้านขายของชำ 2 ร้าน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขาจะรับหรือไม่ ถ้าใช้กับร้านขายของชำได้ ก็จะซื้อของใช้ในครัว เช่น พริก กะปิ น้ำปลา แต่ถ้าจะให้ใช้เงินดิจิทัลที่ได้ซื้อของเหล่านี้ทั้งหมด ก็คงจะมีแต่กะปิ น้ำปลา เต็มบ้านแน่ เพราะสิ่งที่เกษตรกรอย่างพวกตนต้องการใช้จริงๆ คือสินค้าทางการเกษตรมากกว่า แต่เท่าที่เห็นมีร้านขายสินค้าทางการเกษตรอยู่ใกล้ๆ เพียง 1 ร้าน ซึ่งใกล้ที่สุดก็ระยะทางก้ำกึ่ง 4 กิโลเมตรไปแล้ว ตนเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะวัดระยะทางจากตรงไหน จึงอยากให้รัฐบาลขยายระยะทางให้ครอบคลุมทั้งอำเภอจะดีกว่า
ขณะที่แม่ค้าร้านขายของชำแห่งหนึ่ง กล่าวว่า ในส่วนของร้านขายของชำอย่างพวกตนนั้น ก็มองว่านโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ท้ายที่สุดแล้วก็จะเข้าไปกระจุกอยู่แต่กับร้านค้าขนาดใหญ่ เพราะร้านขายของชำเล็กๆ ที่กระจายอยู่ตามชุมชนต่างๆ ไม่มีใครกล้าเข้าร่วมโครงการนี้แน่นอน เนื่องจากเท่าที่ฟังมา ร้านที่เข้าร่วมโครงการ ต้องใช้เงินลงทะเบียนร้านละ 10,000 บาท ต้องทำเรื่องเบิกเงินหลังจบโครงการไปแล้ว ต้องกินระยะเวลานานถึง 6 เดือน และต้องทำเรื่องหักภาษีอีกจำนวนมาก













