รักแท้..หรือแค่ห่วงใย
แก้ว อายุ 45 ปี นิยามตนเองว่าเป็น "ทอม" เกิดและเติบโตมาในครอบครัวที่มีลูกสาวทั้งหมด 5 คน แก้วเป็นคนที่สองจึงมีโอกาสได้รับการศึกษา และได้เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย การเรียนระดับมหาวิทยาลัยและอยู่ไกลบ้าน ทำให้การใช้ชีวิตของแก้วมีอิสระ ได้เรียน ได้เที่ยว ได้เดินทางในหลายๆ ที่ ที่ไม่เคยไปมาก่อน ได้รับเอาสิ่งใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต รวมทั้งเรื่องการคบเพื่อน คบแฟน แก้วยืนยันว่า ตัวตนของแก้วทั้งที่บ้าน และที่กรุงเทพฯ ไม่มีอะไรแตกต่างกันมากนัก แก้วมีพฤติกรรมห้าวๆ ชอบเล่นกีฬาโลดโผน เช่น ตะกร้อ ฟุตบอล ไม่ชอบคบเพื่อนผู้หญิง เพราะไม่ชอบรอคอย แก้วชอบตกปลา ว่ายน้ำในคลองกับเพื่อนๆ ผู้ชายแถวบ้าน ส่วนเรื่องการแต่งตัวนั้นแม้จะไม่ชอบใส่กระโปรง หรือผ้าถุงน้อยๆ ไม่ชอบไว้ผมยาว แต่แก้วก็ขัดใจแม่ และบรรดาพี่น้องไม่ได้ ดังนั้นการถูกเรียกว่า "ทอม" จึงเป็นสิ่งที่คุ้นหูและยอมรับแต่โดยดีมาตลอด ไม่เว้นแม้แต่ในช่วงมหาวิทยาลัยที่เพื่อนๆ ทั้งคณะ ต่างรับรู้ว่า แก้ว คือ ทอมในสายตาของทุกๆ คน ความเป็นทอมของแก้วดูเหมือนไม่เป็นปัญหาอะไรเลยต่อการใช้ชีวิต จนกระทั่งแก้วเริ่มสนใจเพื่อนในคณะ ซึ่งถูกรับรู้และบอกว่าตนเองเป็นผู้หญิง แก้วพยายามทุกทางที่จะจีบเพื่อนคนนี้ เพื่อให้เป็นแฟนของตน จนกระทั่งมหาวิทยาลัยได้จัดค่ายไปทางภาคอีสาน แก้วและเพื่อนคนนี้ก็ร่วมค่ายไปด้วย แต่การสารภาพรักของแก้วครั้งนี้ไม่ได้เป็นไปตามที่แก้วคาดหวัง เพราะเพื่อนสาวคนนี้ให้คำตอบกับแก้วว่า แก้วไม่ใช่ผู้ชาย และเธอไม่ใช่ดี้เธอชอบผู้ชาย เธอต้องการมีครอบครัวมีลูก คำตอบเหล่านี้แม้จะทำให้แก้วเสียใจ และล้มเลิกการจีบเพื่อนสาวคนนี้ แต่แก้วยังสงสัยอยู่ตลอดว่าความรักขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นเพศอะไรด้วยหรือ แล้วความรักในชีวิตคนเรา คือ สิ่งเดียวกับการมีครอบครัวและมีลูกด้วยหรือ ทั้งหมดนี้ความรัก ครอบครัว การมีลูก คือ สิ่งเดียวกันหรือไม่
เมื่อเวลาผ่านไป คำถามเหล่านี้ดูเหมือนจะกลับเข้ามาในชีวิตของแก้วอีกครั้ง ปีสุดท้ายของการเรียน แก้วได้ตกลงคบหากับรุ่นน้องต่างคณะ ซึ่งยอมรับรักและยอมรักในความเป็นทอมของแก้ว ทั้งคู่ตัดสินใจเช่าหอห้องเดียวกัน เพื่อใช้ชีวิตร่วมกัน และเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการกินอยู่ในกรุงเทพฯ อีกด้วย ก่อนจบการศึกษาทั้งคู่ตกลงที่จะไปเที่ยวบ้านของแฟนแก้ว ซึ่งเป็นคนพื้นเพในจังหวัดที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก การใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านของอีกฝ่ายทำให้แก้วรู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย เพราะต้องระมัดระวังพฤติกรรมที่จะแสดงออก ซึ่งความรักความผูกพันธ์ เพราะการไปเที่ยวครั้งนี้ไปในฐานะเพื่อนสาว ทุกคนจึงคาดหวังและจับจ้องให้ทั้งคู่แสดงออกได้เพียงแค่ความเป็นเพื่อน แก้วจึงมีคำถามเพิ่มขึ้นในหัวอีกครั้งถึงความแน่นอน และหนักแน่นในความสัมพันธ์ และไม่นานนักทั้งคู่ก็เลิกรากันในที่สุด
แก้วใช้ชีวิตโสดมาเรื่อยๆ หลังจากที่จบมหาวิทยาลัย และต้องทำงานในบริษัทเอกชน แก้วเล่าว่า การใช้ชีวิตเป็นทอมในชีวิตการทำงานเป็นสิ่งที่ยากมาก การเป็นทอมของแก้วเสมือนถูกกดทับ และต้องปิดบังตัวเองอยู่ตลอดเวลา การใช้ชีวิตในที่ทำงานจึงเป็นชีวิตที่ยากลำบากของแก้ว แก้วรู้สึกว่าถูกจับจ้องอยู่ตลอดเวลาจากเพื่อนร่วมงาน และจากหัวหน้า เมื่อมีเพื่อนร่วมงานคนใดคนหนึ่งสละโสด คำถามที่ว่าเมื่อไหร่จะแต่งงาน มันจะพุ่งเข้าใส่แก้วทุกครั้ง และแก้วก็รู้สึกอึดอัดที่จะตอบ แต่แก้วบอกว่าโชคดีอยู่เหมือนกันที่ในขณะนั้นใช้ชีวิตโสด ทำให้ไม่ต้องตอบว่าแฟนของตนเป็นใคร โดยเฉพาะเป็นเพศอะไร และเมื่อมีวันหยุดยาว การกลับบ้านเกิดของแก้วก็เริ่มสร้างความอึดอัดให้กับแก้วและพ่อแม่ทุกๆ ครั้ง โดยเฉพาะเมื่ออายุย่างเข้าเลข 3 พี่สาว และน้องสาวต่างระดมยิงคำถามที่แสนอึดอัดให้ตอบว่า มีแฟนหรือยัง เมื่อไหร่จะแต่งงานมีลูก เมื่อไหร่จะส่งเงินมาช่วยทางบ้าน รวยแล้วหรือยัง จะให้แนะนำผู้ชายให้หรือไม่ คำถามเหล่านี้ไม่เพียงอยู่ในครอบครัว แต่เพื่อนบ้านญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงแถวบ้านต่างก็ถามด้วยคำถามซ้ำๆ แบบนี้เหมือนได้เตรียมการเอาไว้แล้ว
แรกๆ ก็พอจะให้เหตุผลกับชุดคำถามเหล่านี้ได้ว่า คงเกิดขึ้นบนพื้นฐานของความเป็นห่วงเป็นใย และความคาดหวังที่จะให้แก้วมีชีวิตที่มั่นคงในภายภาคหน้า และแน่นอนว่าผู้หญิงหลายๆ คน ก็คงโดนคำถามเช่นนี้ แต่แก้วคิดว่าความเป็นทอมของแก้วนี่แหล่ะ คือ สิ่งที่แตกต่างในการตอบ และเป็นสิ่งที่สร้างความกดดัน ความอึดอัด ความระอา และนำมาซึ่งความเครียด ความเบื่อหน่ายทุกครั้งที่กลับบ้าน การตอบเพียงแค่ว่ายังไม่มีแฟนคงไม่จบ ต้องมีคำถามต่อมาเรื่อยๆ ว่าแฟนเป็นใคร และเป็นเพศอะไร ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นแก้วยังนึกไม่ออกเลยว่าจะตอบอะไร และจะผ่านเหตุการณ์นั้นไปได้หรือไม่ แก้วทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจว่า คำถามเหล่านี้คือ ตัวแทนความห่วงใย แต่ในขณะเดียวกันคือ การทำร้ายกันหรือไม่ ตราบใดที่คนถามยังเข้าใจว่า คนเราเกิดมาต้องผู้หญิงและผู้ชายเท่านั้น การแต่งงานมีครอบครัว และมีลูกเกิดได้เฉพาะชายกับหญิงเท่านั้น










