มองปัจจัย..อะไรที่นักวิเคราะห์เชื่อว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะแซงไทย
ประเทศไทยกับประเทศเวียดนามเป็น 2 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มักถูกหยิบยกขึ้นมาเปรียบเทียบในเชิงตัวเลขการพัฒนาทางเศรษฐกิจบ่อยครั้ง เพราะสองประเทศนี้เป็นประเทศสังคมเกษตรกรรมเหมือนกัน อยู่ในสภาพทางภูมิศาสตร์ที่ใกล้เคียงกัน การพัฒนาด้านต่างๆโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจการค้า มีการพัฒนาประเทศคู่คี่กันตลอดหลายปีที่ผ่านมา จึงมักถูกกล่าวถึงในเชิงเปรียบเทียบตลอดมา ว่าใครมีเศรษฐกิจที่เติบโตได้ดีมากกว่ากัน
ล่าสุดบริษัทยักษ์ใหญ่แอปเปิลได้ทยอยย้ายฐานการผลิตจากจีนไปยังเวียดนามซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าอนาคตเวียดนามจะกลายเป็นโรงงานโลกกรณีบริษัทต่างๆหลายบริษัทได้มาตั้งฐานการผลิตในประเทศนี้ โดยเฉพาะจีนเองก็มีวิกฤตสงครามทางการค้ากับสหรัฐอเมริกาทำให้การลงทุนทางด้านต่างๆชะลอตัวลง และมีการลงทุนต่างๆในเวียดนามมากขึ้น ดังนี้
-ต้นปี2566 Quanta computer ซัพพลายเออร์ผลิตชิ้นส่วนMackbookรายใหญ่ของแอปเปิล ได้ย้ายมาตั้งโรงงานมูลค่า 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเมืองนามดินห์ตอนเหนือของเวียดนามโดยมีการลงนามกับท้องถิ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
-BIG TECH หลายแห่งหลายประเทศได้ทยอยดำเนินการเพื่อย้ายฐานการผลิตมาเวียดนาม
เหตุผลสำคัญที่บริษัททั่วโลกต่างหันมาตั้งฐานการผลิตที่เวียดนาม คือ
-ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเวียดนามมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศเพื่อรองรับและดึงดูดบริษัทผลิตอุปกรณ์อีเล็กทรอนิกส์จากจีนมายังเวียดนาม
-เวียดนามสร้างมาตรการจูงใจด้านภาษีและการตกลงด้านการค้าเสรี โดยมีการทำข้อตกลงกับหลายประเทศเกี่ยวกับภาษีนำเข้า
-ถึงแม้ว่าเวียดนามกับไทยจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจค่อนข้างดีใกล้เคียงกัน แต่เวียดนามมีค่าแรงที่ถูกกว่าและมีทักษะการทำงานสูงทำให้ต้นทุนการผลิตที่นี่น่าจูงใจกว่า
-เวียดนามมีความได้เปรียบด้านประชากรวัยแรงงานที่มากกว่าขณะที่วัยสูงอายุมีเพียง 10 %เท่านั้น ขณะที่หลายประเทศในภูมิภาคเดียวกันมีวัยสูงอายุที่มากและอัตราการเกิดก็น้อยลงซึ่งจะมีผลต่อการพัฒนาในอนาคต
ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้นักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่าเวียดนาม จะเป็นเสือตัวที่ห้าของเอเชียแต่ทั้งนี้ก็ต้องดูปัจจัยหลายๆอย่างมาเปรียบเทียบกัน รวมทั้งการปรับเปลี่ยนนโยบายด้านการลงทุนและด้านเศรษฐกิจของไทยว่าจะดีขึ้นมากน้อยเพียงใดในการบริหาร ภายใต้รัฐบาลใหม่


















