ไปสู่ชะตากรรม !
ไปสู่ชะตากรรม
'บุญประคอง' เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกคำทำนายมรณะ
ดิฉันเคยพบกับเรื่องแปลกประหลาด น่าหวาด หวั่นและแสนสยดสยองที่สุดในชีวิต แต่ก็ไม่อาจจะหา คำตอบได้ว่า มันเป็นเรื่องภูตผีปีศาจ หรือความเร้นลับที่น่าขนลุกขนพองอย่างไม่เคยประสบมาก่อน...หรือว่า มันเป็นเรื่องของชะตากรรม เป็นพรหมลิขิตที่กำหนดเส้นทางของชีวิตมนุษย์ไว้แล้ว โดยที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้สำเร็จ
เปิ้ล-เพื่อนรักของดิฉันคือเหยื่อของมันค่ะ!
เราทำงานที่บริษัทการเงินแห่งหนึ่งแถวอโศก และเช่าห้องอยู่ด้วยกันในย่านเอกมัย กับที่อยู่เดิมของเราค่อนข้างไกลจากที่ทำงาน เมื่อมาได้หอพักแห่งใหม่ทำให้ไปกลับได้สะดวก ไม่ต้องเสียเวลาโหนรถเมล์วันละ 2-3 ชั่วโมงอีกแล้ว
เปิ้ลเป็นลูกครึ่งจีนค่อนข้างสวย ร่างเล็กแต่สมส่วน ดูบอบบางแต่แข็งแรง...ชอบดูดวงเป็นประจำ แล้วเชื่อถือเป็นตุเป็นตะ...ถือว่าเป็นธรรมดาของผู้หญิงส่วนมากนะคะ
ก่อนจะเกิดเรื่องสยองขวัญ มันเริ่มที่เปิ้ลเล่าว่า ห้องพักของเรามีอะไรบางอย่างแฝงตัวอยู่ เพราะเธอเคยเห็นเงาวูบๆ วาบๆ บ่อยครั้ง ที่หน้าต่างบ้าง ห้องน้ำบ้าง บางทีก็เห็นรูปเงาแปลกๆ ในกระจก รู้สึกเหมือนมีใครคอยจ้องมองอยู่ตลอดเวลา
ตรงกันข้าม ดิฉันที่อยู่ห้องเดียวกันแท้ๆ กลับไม่เคยเห็นอะไรเลย!
ต้องยอมรับว่าเรื่องที่เปิ้ลเล่า ทำให้ใจคอไม่ดีเหมือนกัน ได้แต่ปลอบโยนเธอว่าคงจะอุปาทานไปเอง ไม่มีอะไรหรอก เปิ้ลก็ได้แต่พยักหน้า กลืนน้ำลาย เหลียวซ้ายแลขวาอย่างหวาดระแวง เล่นเอาดิฉันพลอยขนลุกซ่าอย่างช่วยไม่ได้
ต่อมา เปิ้ลก็เล่าว่าเธอฝันเห็นผู้ชายร่างผอมดำผู้หนึ่งมานั่งจ้องมองที่หน้าต่าง เมื่อสะดุ้งตื่นก็ยังเห็นร่างเลือนๆ ก่อนจะจางหายไป
เช้าวันหนึ่ง เปิ้ลตื่นขึ้นมานั่งซึมที่โต๊ะกินข้าว ดิฉันอาบน้ำแต่งตัวพร้อมที่จะไปทำงาน แต่เปิ้ลทำตาแดงๆ เล่าว่า ฝันเห็นผู้ชายคนนั้นมาบอกว่า...วันนี้อย่าออกไปไหนไม่งั้นจะตายโหง!
ดิฉันทั้งโมโหทั้งอดหัวเราะไม่ได้ บอกว่าอย่าเชื่อความฝันเหลวไหลเลยน่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะหยุดงาน หัวหน้าต้องโกรธแน่ๆ ถ้ารู้ว่าลางานเพราะเรื่องไร้สาระ! แต่เปิ้ลน้ำตาไหลพราก หน้าขาวซีด กอดอกตัวสั่นเทา ปากสั่นระริก ได้แต่ส่ายหน้า จ้องมองอย่างวิงวอนจนดิฉันใจอ่อน...ตกลงออกจากห้องพักเพื่อไปรอรถเมล์ที่ปากซอยเพียงคนเดียว
เพียงแต่ก้าวพ้นประตูรั้วออกไปเท่านั้น ดิฉันก็แทบช็อกคาที่!
มอเตอร์ไซค์รับจ้างคันหนึ่งก็พุ่งมาจากข้างหลัง เฉียดร่างดิฉันหวุดหวิด เสียหลักเข้าชนเด็กนักเรียนชายคนหนึ่งเต็มรัก ได้ยินเสียงหวีดร้อง เห็นทั้งคนทั้งรถล้มระเนระนาด เด็กชายนอนแน่นิ่ง เลือดนองถนน...คนขี่มอเตอร์ไซค์ลุกขึ้นมาประคองเด็ก ผู้คนเข้ามามุงดูขณะที่ดิฉันตาลายพร่า ใจเต้นระทึกไม่หาย
เด็กเคราะห์ร้ายถูกนำส่งโรงพยาบาลแล้ว ดิฉันเดินใจสั่นไปที่ปากซอย แข้งขาแทบหมดแรง...ถ้าเปิ้ลออกมาพร้อมๆ กันล่ะ?
'ถ้าเขาไม่ห้ามไว้เปิ้ลคงตายแน่ๆ' เธอละล่ำละลักเมื่อพบกันตอนเย็น ดิฉันได้แต่กลืนน้ำลาย พูดอะไรไม่ออก...มันอาจจะเป็นการบังเอิญก็ได้ จริงไหมคะ?
วันรุ่งขึ้น เราก็ออกไปทำงานด้วยกันตามปกติ หัวหน้าถามเปิ้ลนิดหน่อย แต่เมื่อเห็นหน้าซีดๆ นัยน์ตาลึกโหล ยังมีแววหวาดกลัวก็คิดว่าเข้าใจ เตือนให้ดูแลสุขภาพด้วย
อาทิตย์ต่อมา เปิ้ลก็ฝันร้ายอีกแล้วค่ะ!
'อย่าออกจากบ้าน ไม่งั้นจะตายโหง!' คือคำบอกเล่าของชายผิวดำที่มาเข้าฝัน แม้ดิฉันจะปลอบใจเท่าไหร่ก็ไร้ผล...วันนั้นตอนเย็นงานเลิก ลิฟต์จากชั้นสี่เกิดค้างดิฉันกับคนอื่นๆ ติดอยู่ในลิฟต์เกือบ 15 นาทีแน่ะ...ถึงเปิ้ลจะมาติดอยู่ด้วยก็ไม่เป็นไร!
'ใครว่าล่ะ?' เปิ้ลร้องเสียงแหลมเมื่อดิฉันเล่าเรื่องให้ฟัง 'เปิ้ลทั้งเป็นโรคหัวใจ ทั้งกลัวที่แคบ พอลิฟต์ติดเปิ้ลก็คงช็อกตายคาที่แล้ว'
ถัดมาอีกเจ็ดวัน ผีร้ายนั่นก็มาเข้าฝันอีกแล้ว ห้ามออกจากห้องตามเคย!
คราวนี้ดิฉันได้แต่พยักหน้าอย่างเห็นใจ เมื่อคนเราเชื่อมั่นในสิ่งใดอย่างฝังหัว ก็ควรปล่อยเลยตามเลยดีกว่า...อีกใจหนึ่งก็อยากรู้เหมือนกันค่ะ ว่าถ้าเปิ้ลออกจากห้องพักมาทำงานตามปกติจะมีอะไรเกิดขึ้น
จนกระทั่งตกเย็น ดิฉันออกมายืนรอรถเมล์ท่ามกลางผู้คนหลายสิบ จู่ๆ ก็มีรถเมล์คันหนึ่งเสียหลักพุ่งทะยานเข้าใส่ เสียงหวีดร้องแสบแก้วหูทำให้ทุกคนหันขวับไปดูก่อนจะแตกกระเจิงไปคนละทิศละทางเหมือนผึ้งแตกรัง
เสียงโครมสนั่น! รถเมล์พุ่งเข้าชนเสาไฟฟ้าสิ้นฤทธิ์...มีคนโดนเฉี่ยวลงไปนอนจมกองเลือด 3 คน เสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด ทำให้ดิฉันขนลุกเกรียวไปทั้งตัว
นี่มันนรกจกเปรตอะไรกัน? ถ้าเปิ้ลมาด้วยจะเกิดอะไรขึ้น?
อาทิตย์ต่อมา เปิ้ลก็ฝันสยองตามเคย ดิฉันเองก็พลอยขนลุกขนพองไปด้วยในสมองมีคำพูดของเธอกึกก้อง...อย่าออกไปไหน! วันนี้เป็นวันตายของเธอแล้ว!!
ดิฉันไม่ได้ปลอบใจหรือคะยั้นคะยอเปิ้ลอีกเลย แต่งตัวไปทำงานคนเดียวด้วยความรู้สึกสยดสยองอย่างบอกไม่ถูก แต่วันนั้นไม่ได้มีเหตุการณ์น่าขนลุกอะไรเกิดขึ้น...จนกระทั่งกลับถึงห้องพักก็เห็นเปิ้ลนอนตายอยู่บนเตียงเพราะเชือดคอตัวเอง
มีจดหมายสั้นๆ เขียนไว้ว่า...ขอกำหนดชะตากรรมตัวเอง ดีกว่าคอยให้ผู้อื่นมาบงการ...นึกถึงแล้วยังขนหัวลุกมาถึงทุกวันนี้เลยค่ะ!