ผัดไทยเซ่นผี !
ผัดไทยเซ่นผี
"มดแดง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากงานวัดในอดีต
สมัยวัยรุ่นผมเป็นเด็กวัดแคนางเลิ้ง หรือชื่อในทางการก็คือ วัดสุนทรธรรมทาน ถนนด้านหลังที่เชื่อมระหว่างถนนนครสวรรค์กับถนนหลานหลวง มีแต่ตึกแถวกับห้องแถวเก่าแก่อายุเกือบร้อยปี คิดดูละกันว่าจะเก่าแก่และทรุดโทรมน่าใจหายแค่ไหน
ตามตรอกซอยแถวนั้นก็มีบ้านช่องเรียงราย มีร้านค้า รถเข็นและแผงลอยขายอาหาร ชุมทางกาแฟบนฟุตปาธ ผู้คนเดินผ่านไปมาพอสมควร แต่ตกค่ำบรรยากาศแสนจะเปล่าเปลี่ยว เงียบเหงาและวังเวงอย่าบอกใครเชียว
ผีดุน่ะซีครับ!
เรื่องนี้ยืนยันมั่นคงมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายแล้วว่าผีวัดแคผีดุสาหัสนัก...ผมเชื่อถือโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ เพราะตัวเองก็เคยโดนผีหลอกเข้าเต็มเปา
ย่านนางเลิ้งมีนักเลงใหญ่ชื่อ "เติม" พวกผมเรียกน้าเติม ร่างสูงใหญ่กำยำ สันจมูกหักเพราะเคยโดนหวดด้วยคมแฝก บางคนลือว่าแกเป็นพวก "เก้ายอด" ก๊กนักเลงชื่อดังที่มี "พี่เหงี่ยม" เป็นหัวหน้าใหญ่
น้าเติมทำตัวสมนักเลง ไม่รังแกคนถิ่นเดียวกัน แถมยังช่วยคุ้มครองอีกต่างหาก ถ้ามีใครแหลมเข้ามา หรือเป็นพวกเสือข้ามห้วย น้าเติมกับลูกน้องเป็นคนจัดการจนเผ่นกระเจิงไปตามๆ กัน
อย่างว่าละ น้าเติมก็มีศัตรูอยู่ถิ่นอื่น ไม่ว่าวรจักรหรือบางลำพู ถ้าจำเป็นต้องไปไกลถิ่นก็ต้องระวังตัว ไม่งั้นมีหวังโดนปรปักษ์เล่นงานเอาได้ง่ายๆ
คืนหนึ่งก็เกิดเหตุสยองขวัญขึ้นมา!
คืนนั้นวัดแคมีงานประจำปี ไล่เลี่ยกับงานภูเขาทอง มหรสพเพียบ ทั้งหนัง ลิเก ลำตัด เพลงฉ่อย หมอลำ...ไหนจะมีการออกร้านรวงหลากหลายให้สะพรั่ง แผงขายอาหารการกินหลายสิบเจ้า ลูกโป่งสวรรค์ลอยฟ่อง ผู้คนเที่ยวเตร่เฮฮากันคึกคัก กลิ่นแก๊สจากตะเกียงฟู่อบอวลตามแบบของงานวัด ทั่วๆ ไป
บรรยากาศแสนสนุกสนาน รื่นเริงสุขสำราญแบบนี้ไม่ว่าผู้ใหญ่หรือเด็กก็ล้วนแต่นิยมชมชอบทั้งนั้นแหละครับ
พวกผู้ใหญ่อุ้มลูกจูงหลานมาเที่ยวงาน หนุ่มๆ สาวๆ เดินคลอคู่กันหัวเราะต่อกระซิก บ้างก็กำลังขายขนมจีบกันไฟแลบ...พวกผมเพิ่งนมแตกพานก็ได้แต่เดินดูเขา...อยากเป็นหนุ่มเต็มตัวมั่งน่ะซีครับ
เราเดินเที่ยวงาน ดูผู้คนและการละเล่นจนท้องร้องจ๊อกๆ ขึ้นมา ปลาหมึกบดในท้องหมดไปนานแล้ว แหม! กลิ่นอาหารการกินสารพัดอย่างมันยั่วน้ำลายไปซะทั้งหมด เราตกลงแวะกินก๋วยเตี๋ยวผัดไทยกัน!
ขณะกำลังรอผัดไทยรสโอชา ไอ้มดกับไอ้อ่อนชะโงกหน้าเข้ามาบอกผมว่า...น้าเติมมาโว้ย กำลังกินผัดไทยคนเดียว!
เมื่อหันขวับไปมองก็เห็นนักเลงใหญ่เจ้าถิ่นแต่งชุดดำ กำลังพุ้ยก๋วยเตี๋ยวใส่ปากตุ้ยๆ น่าเอร็ดอร่อย แถมคว้าหัวปลีที่ฝานตามยาวใส่ปากเคี้ยวกร้วมๆ พวกเรายกมือไหว้แต่น้าเติมไม่แยแส ไม่ทักทายหรือแม้แต่พยักหน้ารับด้วยซ้ำ...คงหิวมากล่ะมั้ง?
น่าแปลกอย่างที่น้าเติมบินเดี่ยว ทั้งๆ ที่เคยเห็นลูกน้องตามเป็นพรวน แต่อย่างว่าล่ะถิ่นเราซะอย่างใครมันจะกล้าแหย็มล่ะ?
ผัดไทยของพวกเรามาถึง ผมเหลือบดูน้าเติมบ่อยๆ นึกสังหรณ์ใจยังไงบอกไม่ถูก จนแกอิ่มหนำแล้วก็ลุกขึ้นเดินเทิ่งๆ ไปทางท้ายวัด เรื่องไม่จ่ายเงินน่ะธรรมดามาก ไม่มีใครทะลึ่งคิดเงินจากน้าเติมอยู่แล้ว แต่เสียงหมาฝูงใหญ่หอนโจ๋ว...แทบจะกลบเสียงมหรสพต่างๆ นี่ซี ทำให้ผมเย็นหลังบอกไม่ถูก
ผีสาง! ร่างน้าเติมคล้ายจะหายไปดื้อๆ ท่ามกลางผู้คน ผมบอกกับเพื่อนๆ แต่ไอ้อ่อนหาว่าผมตาฝาด ส่วนไอ้มดบอกว่ามันเห็นน้าเติมไม่มีเงา แต่ไม่กล้าพูด!
คราวนี้เราเหลียวซ้ายแลขวาลอกแลก ใจคอไม่ค่อยดีชอบกล จนหมดอยากเที่ยวงานวัดแล้ว เลยตกลงแยกย้ายกันกลับบ้าน...ผมเองยอมรับว่าขนลุกขนพอง หลังเย็นวาบๆ จนต้องเหลียวซ้ายแลขวาด้วยความระแวงอยู่ร่ำไป
ถึงบ้านก็เหมือนได้ขึ้นสวรรค์!
รุ่งขึ้นก็ได้ข่าวว่าน้าเติมโดนรุมแทงตายที่วรจักรตั้งแต่ตอนหัวค่ำ เพราะข้ามถิ่นไปหาหญิงเลยโดนคิดบัญชี...แต่วิญญาณโลดลิ่วมากินผัดไทยของโปรดถึงวัดแคให้พวกผมเห็น เล่นเอาขนหัวลุกไปตามๆ กัน! บรื๋ออออ....