ริมทางรถไฟ !
เหตุการณ์ที่ผมจะเล่าต่อไปนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีมาแล้ว ที่บริเวณหมู่บ้านริมทางรถไฟหลัก 3 ตำบลบางขุนศรี อำเภอบางกอกน้อย กรุงเทพฯ
นายกุ่ย เป็นคนในหมู่บ้านนี้ ได้แต่งงานอยู่กินกับนางสดใสจนมีบุตรด้วยกัน 1 คน เป็นหญิงพอมีลูกมีเต้า นิสัยนายกุ่ยเปลี่ยนไปจากคนที่เคยขยันทำมาหากินรักครอบครัว กลับกลายเป็นคนสำมะเลเทเมา การงานไม่ยอมทำเอาแต่เมาหยำเปไปวัน ๆ สุดที่นางสดใสจะทนอยู่ด้วยได้ จึงหนีไปทิ้งลูกไว้ให้นายกุ่ยดูแลรับผิดชอบและก็ต้างตกเป็นภาระของญาติๆ นายกุ่ยนั้นแหละ เพราะนายกุ่ยไม่ได้ปรับปรุงตนให้ดีขึ้นเลย จนกระทั่งลูกเริ่มเป็นสาว
คืนหนึ่งนายกุ่ยเมาโซเซเดินกลับบ้าน พวกญาติพี่น้องรวมกันรุมด่าด้วยถ้อยคำรุนแรงท้ายสุด ได้ขอร้องนายกุ่ยว่าเห็นแก่ลูกที่กำลังโตเป็นสาวบ้าง ลูกต้องอับอายชาวบ้านเขาแค่ไหนที่มีพ่อเป็นคนขี้เหล้าเมายาอย่างนี้
นายกุ่ยแทนที่จะรู้สึกสำนึกตนว่าผิด กลับแค้นใจและน้อยใจที่ญาติรังเกียจตน จึงไม่ยอมหลับนอน เดินร้องไห้ฟูมฟายน้ำตาออกจากมายืนอยู่ริมทางรถไฟ ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ นั้น พอดีมีรถไฟขบวนหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วสูง นายกุ่ยจึงตัดสินใจกระโดดให้รถไฟทับเป็นการประชดชีวิต ผลก็คือร่างแหลกเหลวตายสมความปรารถนาเสียงร้องของนายกุ่ยเมื่อถูกรถไฟทับได้ยินถึงคนในบ้าน ต่างวิ่งกรูมาดูเหตุการณ์ เมื่อเห็นสภาพศพต่างปลงสังเวชแหละร่ำไห้กับระงม
จากนั้นญาติได้นำศพไฟทำพิธีสวดพระอภิธรรมที่วัดบางขุนนนท์ 7 คืน ในคืนวันที่เจ็ดหลังจากพิธีสวด ญาติ ๆหลายคนกลับมานานค้างที่บ้านของนายกุ่ยลูกสาวของนายกุ่ยนอนรวมอยู่มุ้งเดียวกับญาติผู้หญิงและแม่ยายของนายกุ่ยด้วย กลางดึกคืนนั้นมีร่างสูงใหญ่ดำทะมึนเดินเข้ามาเปิดมุ้งและพูดว่า “เอาลูกของกูมา”
จากนั้นก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นเดินลงจากเรือนไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำเอาทุกคนตื่นกันหมด ทุกคนยืนยันว่าเสียงที่พูดและร้องไห้นั้นเป็นเสียงของนายกุ่ยอย่างแน่นอน