3 ขั้นตอนปรับเปลี่ยนตนเอง
๓ ขั้นตอนปรับเปลี่ยนตนเอง
ให้ดีขึ้นกว่าเดิม (เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง)
1.ยอมรับความชั่วร้ายของตนอย่างตรงไปตรงมา
สิ่งนี้คือการเห็นกิเลสของตนเองอย่างไม่ประณีประนอม อิจฉาก็ให้รู้ว่าอิจฉา ขี้เกียจก็ให้รู้ว่าขี้เกียจ เห็นแก่ตัวก็ให้รู้ว่าเห็นแก่ตัว ขี้อวดก็ให้รู้ว่าขี้อวด ชอบนินทาก็ให้รู้ว่าชอบนินทา ขี้ขลาดก็ให้เห็นว่าขี้ขลาด
เหล่านี้คือสิ่งที่เราต้องมองเข้าไปตรงๆ จะทำได้ยากหากไร้ความซื่อสัตย์ ขณะที่ทำได้ง่าย หากเปิดใจ ยอมรับ กล้าหาญ
การเห็นความชั่วร้ายของตน นับเป็นความดีชนิดหนึ่ง เพราะมันคือจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง ดังเราเห็นหลังคาบ้านมีรูรั่ว จึงสามารถซ่อมแซมหลังคาให้บ้านมีสภาพสมบูรณ์ ใช้กันแดดกันฝนได้ต่อไป
ผู้คนจำนวนมาก ใช้เวลาเนิ่นนาน กว่าจะเข้าสู่กระบวนการยอมรับตนเอง บางคนถึงขนาดต้องได้รับบทเรียนยิ่งใหญ่ในชีวิต จากความสูญเสีย และผิดพลาดไปมากมาย จนไม่เหลือทางเลือกอื่น นอกจากเผชิญหน้ากับความชั่วร้ายของตนเอง แล้วเริ่มลงมือแก้ไข
เรื่องการยอมรับความชั่วร้ายของตนนี้ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างมีปัญหาไปคนละอย่าง ปัญหาของผู้ใหญ่คือ กว่าจะยอมรับก็ผ่านวันเวลาเนิ่นนาน ทั้งเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นมากมาย ถึงวันที่รู้ตัว กิเลสก็พอกพูน กลายเป็นไม้แก่ ดัดแก้นิสัยได้ยาก
ส่วนเด็กๆ นั้น ปัญหามีอยู่ว่า เขาผ่านชีวิตยังไม่มากพอ ยังไม่คิดตกผลึก ยังไม่มีจุดตัดที่ผลักให้เกิดการพูดคุยกับตนเอง ทำความเข้าใจชีวิตของตนเองในเชิงลึก จึงพลาดโอกาสมองเห็นกิเลสร้ายกาจที่เกาะกินใจ
การยอมรับในความชั่วร้ายของตนเอง แม้กิเลสยังไม่หายไปไหน แต่เมื่อยอมรับว่ามันมีอยู่ในเราแล้ว ย่อมเกิดความระวังขึ้นโดยธรรมชาติ กิเลสจึงสร้างความเสียหายต่อชีวิตน้อยลง หนทางข้างหน้า การปรับปรุงตนเองที่แท้จริง ก็ยังพอมีความหวัง
2. ศึกษาธรรมชาติของความชั่วร้ายในตน
กิเลสร้ายมักมีรูปแบบเดิมๆ เล่นเกมเดิมๆ ทำให้เราตกหลุมพรางเดิมๆ คนขี้โมโหย่อมมีเหตุผลมากมาย ที่จะโมโห คนขี้เกียจ ก็ย่อมมีเหตุผลมากมายที่จะให้ขี้เกียจ และคนเห็นแก่ตัวก็เช่นเดียวกัน เขาย่อมมีเหตุผลมากมายที่จะคิด จะนึกถึงแต่ตนเองโดยละเลยความรู้สึกหรือชีวิตของผู้อื่น
หากลองวิเคราะห์ให้ดี จะเห็นว่า เหตุผลเหล่านี้เอง ที่ช่วยให้กิเลสสามารถขยับขยาย เกาะแน่นต่อไปในชีวิตของคนๆ หนึ่ง ดังนั้น เมื่อคิดจะเปลี่ยนแปลงตนเองแล้ว จงอย่าด่วนเชื่อตนเองง่ายๆ ความคิดใด ๆเกิดขึ้น อย่าเพิ่งรีบลงมือทำตามความเคยชินเดิม อย่าเพิ่งรีบสรุปว่าความคิดของตนถูกต้องดีชอบแล้ว เช่น ที่ผ่านมาเคยทะเลาะไม่พอใจคนในครอบครัวบ่อยๆ เพราะเห็นว่าเขามีข้อบกพร่องอย่างนั้นอย่างนี้ คิดได้ดังนี้ จึงโกรธตามใจ เห็นแก่ตัวตามใจ พูดตำหนิติเตียนผู้อื่นตามใจ โดยไม่เฉลียวใจเลยว่า เหตุผลหรือความรู้สึกที่เรายึดมั่นถือมั่นนั้น แท้จริงแล้ว คือเหตุผลที่กิเลสกุขึ้นเพื่อหลอกหลวงเราหรือไม่
ในภาษาธรรมจะมีคำๆหนึ่ง คือคำว่า ทวนกระแสกิเลส หมายความว่า ถ้ากิเลสอยากทำอย่างหนึ่ง กขอให้ท่านเหลี่ยงไปทำในทางตรงกันข้าม อย่างนี้เรียกว่า ทวนกระแสกิเลส เช่น อยากจะว่าเขา อยากจะกล่าวโทษเขา แต่ท่านเลือกที่จะเงียบ อยากจะโอ้จะอวด แต่ท่านเลือกที่จะนิ่ง และชื่นชมผู้อื่น แม้ท่านนึกหวงแหนเสียดาย ไม่อยากให้สิ่งที่ท่านหวงแก่ใคร ก็จงทำตรงกันข้าม คือยกสิ่งที่ท่านหวงแหนให้เขา เพื่อฝึกฝนตนให้รู้จักสละ ละ วาง เห็นหรือไม่ว่ามันไม่ง่ายเลย ที่เราจะหลุดจากความเคยชินเดิมๆ ที่จองจำเรามานาน
รวมความแล้ว การปรับปรุงตนเองอาจหมายความว่า ท่านต้องกระทำในสิ่งที่ควรกระทำ แม้ท่านไม่อยากกระทำก็ตาม ขี้เกียจอ่านหนังสือ แก้โดยให้ไปอ่านหนังสือ อยากจะพูดตอบโต้เขา แก้ด้วยการสงบนิ่งเงียบ อยากกิน ไม่ต้องกิน อยากพักผ่อน ก็ให้ลุกขึ้นมาทำงาน แม้มีวันหนึ่ง ไม่อยาก ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ก็จงลุกขึ้นมาแสดงความคิดเห็นทั้งๆที่กลัว ให้อภัยคนที่เบียดเบียนเรา ไม่เกรงกลัวผู้มีอำนาจเหนือกว่า และอ่อนน้อมถ่อมตน กับผู้มีอำนาจวาสนาน้อยกว่า หากรู้ดี จงเงียบ หากไม่รู้ จงถาม เหล่านี้คือเรื่องของการทวนกระแสกิเลสทั้งสิ้น
ยากเหลือเกินที่เราจะรู้สึกอยากกระทำตาม เพราะการปรับปรุงตนเองนั้น เป็นทางยาก ไม่ใช่ทางสบายในความรู้สึก ผู้คนมากมาย คิดเปลี่ยนแปลงตนเอง แต่น้อยคนนักจะทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ
3. มองภาพใหญ่ ทำภาพย่อย
การเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นนามธรรม มองแล้วเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ แต่เราทำเรื่องใหญ่ผ่านเรื่องเล็กๆ
แม้หมายใจปรับปรุงตนให้เป็นคนใจกว้าง ก็มิใช่ต้องรอว่า มีเงินครบแสนล้าน จึงค่อยรู้จักแบ่งปัน
มีน้อย เราให้น้อย
หรือมีน้อย เราให้ปานกลาง
หรือมีน้อย แต่เราจะให้มากก็ได้
ค่อยๆ ทำไป ค่อยๆ ฝึกตนเองไป
จากการสะสมความดีเล็กๆ น้อยๆ ไม่จำเป็นต้องรีบเป็นคนที่ดีกว่าเดิมให้เร็วนัก เราดีกว่าเดิมแบบธรรมดา คือไม่ฝืนตนเองมากเกินไป การปรับปรุงตนเอง
คล้ายกับการวิ่งมาราธอน จุดสำคัญไม่ใช่ความเร็ว แต่เป็นความสม่ำเสมอ หากเราวิ่งร้อยเมตร เราเร่งสปีทเต็มที่เพราะหนทางไม่ไกลนัก แต่การเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นเรื่องยาวนาน เป็นงานใหญ่ เป็นเกมยาว ต้องเพียรกระทำไปชั่วชีวิต จึงมิต้องรีบร้อน ขยันขันแข็ง ไฟแรงเกินเหตุ
ขอเพียงเราเป็นคนที่ดีขึ้นวันละเล็กวันละน้อย พัฒนาช้าหน่อย ก็ไม่เป็นไร สำคัญว่า อย่าก้าวถอยหลัง อย่าทำๆ เลิกๆ เพราะมันจะเข้าทางกิเลส กิเลสนี้ร้ายกาจนัก มันหลอกเรา ขังเรา โบยตีเรา ล่อลวงเรา ให้ฝังลึก ติดตรึง และขายวิญญาณให้มันมาช้านานแล้ว โอกาสน้อยเหลือเกินที่เราจะชนะมันได้ แต่แม้ว่ายากเพียงไร แต่ก็ต้องกระทำให้เกิดขึ้นในชีวิต
ดูแลความคิด ณ ขณะนี้ ดูแลคำพูด ณ ขณะนี้ ดูแลการกระทำ ณ ขณะนี้ ระวังถูกกิเลสหลอกเอา
มันย่อมบอกว่าเราเสมอว่า
เรื่องเล็กเท่านี้ไม่เป็นไรหรอก
แล้วเราก็เชื่อมันเหมือนก่อนเก่า
เหตุผลเก่าๆ ความคิดเก่าๆ และการกระทำเก่าๆ
เรามักทำได้ง่ายเพราะเคยชิน
สิ่งนี้คือเรื่องอันตราย
มีคนมากมายที่เปลี่ยนแปลงตนเองไม่สำเร็จ
ก็เพราะความเคยชินเดิม ๆ












