เมนูหลังคลอดเพิ่มน้ำนม และข้อห้ามโบราณ
มาต่อกันเรื่องของน้ำนมกันค่ะ กระทู้นี้ขอบอกเล่าประสบการณ์การกินอาหารหลังคลอดที่จะช่วยให้เรามีน้ำนม ที่ประกอบไปด้วยคุณค่าของสารอาหารจริงๆ ค่ะ
หากหลายคนๆ ที่เคยมีประสบการณ์คลอดลูกแล้วเราต้องอยู่ไฟ หรือถ้าทางภาคเหนือเรียกว่าอยู่เดือน เราต้องยอมรับว่าทางบ้านของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ยิ่งถ้าบ้านไหนที่คุณยายเป็นประเภทหัวโบราณสุดๆ เขาจะห้ามเราทำทุกอย่างเลยนะ ตั้งแต่ห้ามอาบน้ำ 3 วัน 7 วัน ห้ามสระผม ห้ามกินน้ำเย็น ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ถุงเท้า หมวก ซึ่งมันเคยเกิดขึ้นจริงๆ นะค่ะ จากน้องที่ทำงานเลยแม่เขาเป็นคนหัวโบราณมาก อันนี้ก็เลยช่วยไม่ได้จริงๆ แต่ดีหน่อยที่แม่เราไม่ได้หัวโบราณขนาดนั้น แล้วเราคงจะดื้อด้วยแหละ
อาหารที่เราเลือกกินหลังคลอด คุณยายจะทำอาหารที่มีประโยชน์เพิ่มน้ำนม ได้แก่
- ผัดบวบใส่ไข่
- ผัดฟักทอง
- แกงฟักทอง (ใส่พริกนิดเดียว)
- แกงหัวปี (ใส่พริกนิดเดียว)
- ต้มจืดผักกาดขาว
- แกงเลียงผักรวม
- ข้าวต้มปลา
- ข้าวต้มหมู
- ปลานึ่ง
- ต้มปลา
- ผัดผักรวม
- น้ำพริกไข่ต้ม (ใส่พริกนิดเดียว) กินกับผักลวก
- แตงกวาผัดไข่
- ถั่วฝักยาวผัดหมู เป็นต้น
ของทานเล่น รวมถึงผลไม้ ได้แก่
- อินทผาลัม (อันนี้เราก็ยังทานนะ ตั้งแต่ท้องมาเลย ที่จริงเราเริ่มมีน้ำนมตั้งแต่ท้องเข้าเดือนที่ 5 เลยนะ) พอคลอดก็ยังกินแต่กินน้อยลง 3-4 เม็ด ต่อวัน
- น้ำฟักทอง ฟักทองนึ่ง เราทานประจำ แต่เลือกอย่างใด อย่างหนึ่งนะ
- ผลไม้ มะละกอ, ฝรั่ง, แอปเปิ้ล, สาลี่ เป็นต้น
- ดื่มนม นมถั่วเหลือง, น้ำเต้าหู้, นมวัว, นมธัญญพืช เป็นต้น
เราเป็นคนหนึ่งที่เชื่อว่า อาหารที่เราต้องกินในช่วงที่ท้อง จนถึงหลังคลอด ต้องมีประโยชน์ต่อลูก เพราะน้ำนมของแม่มีประโยชน์ต่อทารก มากที่สุดแล้ว และยังเป็นการเพิ่มความผูกพันของแม่กับลูกด้วย
อีกทั้งในยุคสมัยนี้ หากแม่คนไหนที่มีน้ำนมน้อย เราต้องมีเงินนะ เพื่อจะต้องไปหาซื้อนมผงชงมาให้ลูก แล้วมันแพงนะ เพราะฉะนั้นเราเลยต้องดูแลและบำรุงตัวเองให้แข็งแรง มีสุขภาพดี กินอาหารทุกอย่างที่มีประโยชน์ เพื่อให้ลูกได้ดื่มน้ำนมที่มีคุณภาพ (ขอบอกว่าลูกเราดื่มนมจากเต้าจนถึง 2 ขวบ และดื่มนมที่สต๊อกไว้อีกปีครึ่ง เลยนะ) มันทำให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องนมลูกไปเยอะเลย
แล้วความเชื่อที่เขาห้ามๆ กันละ มีอะไรบ้าง
ความเชื่อที่ 1 : แม่หลังคลอด ต้องอยู่ไฟ
โบราณท่านว่าคุณแม่หลังคลอดทุกคนจำเป็นที่จะต้องอยู่ไฟ ไม่เช่นนั้นจะเกิดอาการหนาวใน ดูอย่างนายแม่การะเกดจากละครเรื่องดัง บุพเพสันนิวาส ก็ต้องอยู่ไฟหลังคลอดเหมือนกัน ความเชื่อนี้จริงหรือไม่?
ความจริง : หลังคลอดไม่จำเป็นต้องอยู่ไฟ
จริงๆ แล้วอาการหนาวในที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอาการปกติของคุณแม่หลังคลอด เนื่องด้วยเป็นผลมาจากฮอร์โมนของคุณแม่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วค่ะ รวมทั้งร่างกายยังสูญเสียเลือดและน้ำออกไปเยอะ จึงต้องให้น้ำเกลือ (และ/หรือเลือด ในกรณีที่คุณแม่เสียเลือดมาก) ซึ่งน้ำเกลือนั้นมีอุณหภูมิต่ำกว่าร่างกายของเรา ดังนั้นจึงรู้สึกหนาวได้ค่ะ นอกจากนี้ในกรณีคุณแม่ที่ผ่าคลอดก็มีความเป็นไปได้ที่อาการหนาวสั่นเป็นผลข้างเคียงจากยาสลบ
ตัวเราเองก็ไม่อยู่นะ ใช้วิธีอาบน้ำต้มสมุนไพร นอกนั้นก็ใช้ชีวิตประจำวันแบบปกติ
ความเชื่อที่ 2 : ต้องดื่มยาดองเพื่อขับน้ำคาวปลา
คุณแม่หลายท่านคงเคยได้ยินคนบอกว่าให้ดื่มยาดองเพื่อที่จะขับน้ำคาวปลาออกมาได้มาก ความเชื่อนี้จริงหรือไม่?
ความจริง : แอลกอฮอล์ไม่ดีต่อคุณแม่ให้นมและลูกน้อย
จริงๆ การดื่มยาดองไม่ได้มีส่วนช่วยในการขับน้ำคาวปลาแต่อย่างใด การที่คุณแม่ดื่มยาดองเข้าไปแล้วมีน้ำคาวปลาออกมามากนั้นเป็นเพราะมีการเร่งปฏิกิริยาจากแอลกอฮอล์ แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าแอลกอฮอล์นั้นเป็นอาหารต้องห้ามสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร เพราะอาจทำให้มีเลือดออกมากเกินไป หรือทำให้แผลในมดลูกหายช้า
นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ไม่เพียงส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณแม่เท่านั้น แต่เจ้าตัวเล็กยังได้รับผลกระทบผ่านทางน้ำนมแม่อีกด้วย ดังนั้น เราไม่แนะนำให้คุณแม่ใช้ตัวช่วยใดๆ เพราะการบีบรัดตัวของมดลูกหลังคลอดจะช่วยขับน้ำคาวปลาออกมาเองโดยธรรมชาติอยู่แล้ว และน้ำคาวปลาจะถูกจับจนหมดภายใน 4 – 6 สัปดาห์หลังคลอดค่ะ
ความเชื่อที่ 3 : ต้องเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด
คุณแม่หลายคนมักเข้าใจว่าการขยับตัวจะทำให้แผลฝีเย็บหรือแผลผ่าตัดเกิดการอักเสบ ความเชื่อนี้จริงหรือไม่?
ความจริง : การเคลื่อนไหวร่างกายจะช่วยให้คุณแม่ฟื้นตัวเร็วขึ้น
ไม่ว่าจะคลอดธรรมชาติหรือผ่าคลอด หลังคลอด 24 ชั่วโมง คุณแม่ควรที่จะลุกขึ้นมาเดินบ้างเพื่อให้เลือดได้หมุนเวียนไปหล่อเลี้ยงบริเวณแผลฝีเย็บ นอกจากจะช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้นแล้ว ยังสามารถป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ได้ด้วยเช่นกัน เพียงแต่ให้ระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการยกของหนักเท่านั้นเองค่ะ
ความเชื่อที่ 4 : ห้ามกินผักบางชนิด
ผักใบเขียวอย่างผักชี ตำลึง และอื่นๆ ถูกจัดเป็นของแสลง ซึ่งทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย รู้สึกปวดเมื่อย ความเชื่อนี้จริงหรือไม่?
ความจริง : คุณแม่หลังคลอดกินผักได้ทุกชนิด
ขึ้นชื่อว่าเป็นผักอย่างไรก็มีประโยชน์นะคะ เพราะผักอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นมากมายหลายชนิด โดยเฉพาะคุณแม่ลูกอ่อนที่ร่างกายต้องได้รับอาหารให้ครบ 5 หมู่ และปริมาณมากเป็นพิเศษ เนื่องจากร่างกายต้องการอาหารที่เข้าไปช่วยผลิตน้ำนมสำหรับเลี้ยงเจ้าตัวเล็กและซ่อมแซมร่างกายหลังคลอดค่ะ
ความเชื่อที่ 5 : ต้องกินอาหารเผ็ดๆ เพื่อให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น
กินอาหารเผ็ดเยอะๆ มดลูกจะได้เข้าอู่เร็วขึ้น ความเชื่อนี้จริงหรือไม่?
ความจริง : การกินอาหารเผ็ดไม่ได้มีส่วนช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้นแต่อย่างใด
นอกจากการกินอาหารเผ็ดจะไม่ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้นแล้ว ยังอาจทำให้คุณแม่มีอาการท้องเสียหรือแสบท้องได้อีกด้วยค่ะ หากคุณแม่ต้องการให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น เราขอแนะนำให้คุณแม่นวดประคบร้อน หรือให้ลูกดูดนมบ่อยๆ แทนดีกว่านะคะ
ความเชื่อที่ 6 : ห้ามดื่มน้ำเย็น
ห้ามดื่มน้ำเย็น เพราะว่าไม่ดีต่อสุขภาพ และจะทำให้น้ำนมไหลน้อยลงด้วย ความเชื่อนี้จริงหรือไม่?
ความจริง : คุณแม่หลังคลอดดื่มน้ำอุณหภูมิไหนก็ได้
การดื่มน้ำเย็นนั้นไม่ได้เป็นข้อห้ามสำหรับคนท้องนะคะ น้ำเย็นไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำนมของคุณแม่ไหลน้อยลงด้วย เพราะถึงอย่างไรน้ำก็คือน้ำ และร่างกายของเราก็พร้อมที่จะปรับสมดุลของน้ำเย็นให้มีอุณหภูมิเท่ากับร่างกายของเราอยู่แล้ว แต่ที่หลายคนแนะนำให้ดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิห้องนั้นเป็นเพราะว่ามีส่วนช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลายและปลดปล่อยฮอร์โมนออกซิโทซินที่ช่วยในการผลิตน้ำนมออกมานั่นเองค่ะ
ทั้งนี้ หากคุณแม่มีน้ำนมไหลน้อย ขอย้ำอีกทีว่าไม่เกี่ยวกับอุณหภูมิน้ำเลยค่ะ แต่เป็นเพราะร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอต่างหาก ดังนั้น ควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 6-8 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตรต่อวันนะคะ
อันนี้คือสิ่งแรกเลยที่เราดื้อ ยายบอกห้ามกินนะพร้อมกับเหตุผลที่ว่าดื่มน้ำเย็นแล้วจะทำให้น้ำนมแห้ง อันนี้ขอบอกเลยว่าไม่จริงค่ะ เราถามคุณหมอเลยว่า "หมอดื่มน้ำเย็นได้มั้ย" ซึ่งมันก็ดื่มได้ไม่มีผลอะไร
ความเชื่อที่ 7 : แม่หลังคลอด ห้ามสระผม
คุณแม่หลังคลอดห้ามสระผม เพราะจะทำให้ป่วยไข้ ไม่สบายได้ ความเชื่อนี้จริงหรือไม่?
ความจริง : แม่หลังคลอด สระผมได้นะคะ
จริงๆ แล้วข้อห้ามนี้เป็นเพียงกุศโลบายที่ถูกส่งต่อกันมาจากผู้เฒ่าผู้แก่เพื่อลดอาการเจ็บป่วยของคุณแม่หลังคลอดที่มีฮอร์โมนและภูมิคุ้มกันที่ลดลงอย่างรวดเร็วเท่านั้น เพราะว่าสมัยก่อนนั้นไม่ได้มีนวัตกรรมที่ช่วยทำให้ผมแห้งไวขึ้นอย่างพัดลมหรือไดร์เป่าผมอย่างในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม การรักษาความสะอาดนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อคุณแม่รู้สึกว่าผมเหนียวหรือรู้สึกไม่สบายหนังศีรษะ เราขอแนะนำให้คุณแม่สระผมดีกว่าค่ะ แต่ควรสระด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำที่ไม่เย็นจนเกินไปและที่สำคัญอย่าลืมเช็ดหรือเป่าผมให้แห้งสนิทกันด้วยนะค่ะ
ทั้งหมดนี้ก็เป็น 7 ความเชื่อของคุณแม่หลังคลอดที่ถูกส่งต่อกันมาตั้งแต่ในอดีต บางความเชื่ออาจไม่มีให้พบเห็นกันแล้ว แต่บางความเชื่อก็ยังคงอยู่ คุณแม่คนไหนจะเชื่อหรือไม่เชื่อ จะทำตามหรือไม่ทำตามก็สามารถใช้ดุลยพินิจของคุณแม่กันได้เลยนะคะ
อ้างอิงจาก: ติดตามเพิ่มเติมได้ที่: https://mamaschoice.co.th/article/7-postpartum-myths-debunked/