สิ่งที่น่าเป็นห่วง "นักเคลมข้างบ้าน"
ยังคงหมกมุ่นกับเรื่องเก่าๆ โกหก ลอกเลียนแบบ ทั้งศิลปะวัฒนธรรม หนัง การแสดง นิยาย ตำนาน วรรณกรรม
เรื่องเล่าตำนานเมือง แม่นาค ,ขุนช้างขุนแผน แอบเอาไปขึ้นยูเนสโก้ ถูกตีตกการยื่นเนื่องจากเป็นของไทย ชื่อของครูกวีเอกสุนทรภู่ ท่านการันตีเอาไว้
ท่านสุนทรภู่เป็นชายสามัญชนเพียงคนเดียว คนแรกของโลกที่ได้รับเกียรตินี้ขึ้นเป็นบุคคลสำคัญของโลกตั้งแต่ วันที่ 26 มิถุนายน ปี พ.ศ. 2529
ศิลปะวัฒนธรรม หนัง นิยายการแสดงทั้งหลายนั้น เหม็น ได้ลอกเลียนแบบเอาไปจากคนไทย สยามทั้งสิ้น
สิ่งที่น่าเป็นห่วงถัดมานอกจากการเคลม คือการสูญหายไปของ “วัฒนธรรมเขมร” แบบดั้งเดิม ที่ผ่านมากัมพูชาถือ “วัฒนธรรมอินเดีย” เป็นวัฒนธรรมครูเหมือน “ไทย” และ “ลาว” แต่กัมพูชาก็ไม่ยอมรับวัฒนธรรมความเชื่อแบบเวียดนามที่มาจากจีน ดังนั้น กัมพูชาจะคุ้นเคยทางวัฒนธรรมกับ “ไทย” และ “ลาว” มากกว่า เพราะภูมิศาสตร์ของประเทศกัมพูชาล้อมไปด้วย “เผ่าไท” กัมพูชาตอนนี้จึงอาจจะอยู่ในสภาวะ “การหลอมรวมหรือกลืนกลายทางวัฒนธรรม”
ซึ่งปรากฏการณ์นี้ก็กำลังเกิดขึ้นเรื่อย ๆ เช่น คนกัมพูชาเริ่มรู้ภาษาไทยมากขึ้น ภาษาเขมรเริ่มมีเสียงวรรณยุกต์ ศัพท์ไทยบางคำก็เริ่มจะแทรกซึมเข้าไปในภาษาเขมรมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงการแต่งกายเริ่มคล้ายไทย รสนิยมการกินการใช้ อาหาร ฯลฯ เริ่มเหมือนไทย
ทาง “ประเทศไทย” นั้นรู้จักว่าอะไรเป็น “ศิลปะของสยาม” อะไรเป็น “ ศิลปะของของเขมร” แต่ในเมื่อกัมพูชาไม่รู้จึงแยกแยะไม่ได้ เมื่อแยกแยะไม่ได้จึงรับ “วัฒนธรรมไทย (สยาม)” เข้าไปเต็ม ๆ