ภาษีต้องห้ามคือ..?
ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด คงจะคุ้นเคยกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (Valu Added Tax : Vat) ที่จะเป็นภาษีที่เก็บจากการขายสินค้า บริการและการนำเข้า ในอัตราร้อยละ 7 เปอร์เซ็น สำหรับการส่งออกร้อยละ 0 เปอร์เซ็น ซึ่งผู้ประกอบการรายไหนที่มีรายรับเกิน 1.8 ล้านบาท/ปี (บุคคลธรรมดาก็เช่นกัน) ต่อรอบระยะเวลาบัญชีต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและต้องออกใบกำกับภาษีเพื่อเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากลูกค้า แต่มีภาษีอีกประเภทที่เอาไปทำการคืนภาษีไม่ได้นั่นคือ “ภาษีต้องห้าม” บทความนี้จะชวนมาทำความเข้าใจกับภาษีประเภทนี้ให้มากขึ้น
ความหมายของภาษีต้องห้ามคืออะไร
ภาษีต้องห้าม (Prohibited purchase tax) คือ ภาษีซื้อที่ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มนำไปหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ได้ เรียกแบบเข้าใจง่าย ๆ คือ นำไปขอคืนภาษีซื้อไม่ได้ ตามกฎหมายก็มีการกำหนดลักษณะของภาษีซื้อต้องห้ามไว้ในมาตรา 82/5 แห่งประมวลรัษฎากรเอาไว้แล้ว ซึ่งปกติหากมีภาษีซื้อเราก็เอาไปหักออกจากภาษีขายในมุมผู้ประกอบการ
ก็เหมือนกับการได้คืนภาษีแต่ถ้าไม่มีภาษีซื้อก็ต้องส่งภาษีขายทั้งหมดให้กับทางกรมสรรพากร แต่มันก็ไม่ใช่ว่าการซื้อสินค้าและบริการเยอะแล้วจะคืนภาษีได้ เพราะว่าในภาษีซื้อบางแบบก็เอามานักภาษีขายไม่ได้ก็จะเรียกว่าเป็นภาษีต้องห้ามอย่างที่ทราบกันนั่นเอง ลักษณะภาษีซื้อต้องห้ามนั้นมีอะไรบ้างมาติดตามกันเลย
รายจ่ายต้องห้ามทางภาษีมีอะไรบ้าง
เอาหลัก ๆ เลยการใช้จ่ายอะไรก็ตามที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการเลยนั่นคือภาษีต้องห้ามแน่นอน เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นก็ให้เห็นเป็นประเด็นไปใน 8 ข้อนี้ ลองศึกษาดูจะได้ไม่ทำผิดเงื่อนไขและระเบียบของบริษัทและไม่ผิดเงื่อนไขที่ทางกรมสรรพากรกำหนดด้วย ซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายตามนี้
1. เป็นรายจ่ายส่วนตัวของผู้บริหารที่อยู่นอกระเบียบบริษัท
เป็นเรื่องส่วนตัวล้วน ๆ จะเอามาหักภาษีไม่ได้ อย่างค่าน้ำมัน ค่าช่วยเหลืองานบุญต่าง ๆ แก่พนักงาน ก็เอามาไม่ได้ เพราะว่าในระเบียบบริษัทไม่มีบบนี้ เนื่องจากเป็นรายจ่ายที่เกิดขึ้นแบบส่วนตัว เกิดขึ้นตามอำเภอใจ หากมีงานบุญ งานศพอะไรเกิดขึ้นก็ควรมีระบุในระเบียบบริษัทให้ชัดเจนว่าจะช่วยเหลือเท่าไหร่
2. รายจ่ายเพื่อรับรองลูกค้าเกินโควตา
จริง ๆ บริษัทก็จะมีงบสำหรับการรับรองลูกค้าอยู่เหมือนกัน อาจจะอยู่ที่ไม่เกิน 2,000 บาท/หัว หากเกินก็จะเอาไปหักภาษีไม่ได้เรียกว่าเกินโควตาแล้วนั่นเอง ซึ่งรายจ่ายเหล่านี้จะต้องไม่เกิน 0.3% ของรายได้บริษัทด้วย เพดานก็จะอยู่ที่สูงสุด 10 ล้านบาท แม้ว่าบริษัทจะต้องเลี้ยงลูกค้าก็จริงกว่าจะปิดดีลได้แต่ว่าก็พยายามอย่าให้เกินเพดาน หากเกินก็เป็นภาษีต้องห้ามแล้ว
3. รายจ่ายที่ไม่มีผู้รับ
ดูเหมือนจะเป็นรายจ่ายที่งง ๆ สักหน่อยอะไรคือไม่มีผู้รับ ก็คือเป็นรายจ่ายที่ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าเราซื้ออะไรไป เราซื้อกับใคร จ่ายให้ใคร ส่วนมากบริษัทขนาดเล็ก มักจะมีแบบนี้ เช่น การจ้างวินรับจ้างไปส่งเอกสารให้ ซึ่งเขาก็ออกใบเสร็จให้เราไม่ได้นั่นเอง รายจ่ายตรงนี้หรือประมาณนี้เลยเอามาหักภาษีไม่ได้ด้วย
4. รายจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม
แน่นอนว่าเป็นรายจ่ายของบริษัทที่เราต้องจ่ายแก่ทางสรรพากร แต่ว่าก็ไม่เอามานับ เพราะว่าบริษัทจะต้องมีเงินส่วนที่จะต้องเก็บไว้เพื่อการจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่แล้ว ส่วนใหญ่บริษัทใหญ่ทำกันแบบนี้ ยกตัวอย่าง หากขายสินค้าหรือบริการได้ 100 บาท ก็จะเข้าบริษัทจริง ๆ 93 บาท ส่วนอีก 7 บาท เอาไว้เป็นค่าภาษี รายจ่ายส่วนนี้เลยไม่นับรวมก็เป็นภาษีต้องห้ามไป
5. รายจ่ายที่จ่ายให้กับบริษัทแม่หรือบริษัทลูก
ในหลายที่อาจจะมีการซื้อสินค้าหรือบริการจากบริษัทแม่บริษัทลูกของตัวเองไปมา แน่นอนว่ามันคือรายจ่ายออกไปจริง ๆ แต่ว่าในทางกฎหมายแล้วมันก็อยู่ในบริษัทเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นแม่หรือลูกในทางภาษีมันคือที่เดียวกัน เงินยังไหลเวียนในบริษัทอยู่ดีก็เอาไปหักภาษีไม่ได้ แม้ว่าจะลงเป็นรายจ่ายของบริษัทปกติก็ตาม
6. รายจ่ายค่าอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลง
หลายองค์กรอาจจะมีทรัพย์สินในรูปแบบของอสังหาริมทรัพย์ แต่ทางบัญชีทั่วไปนั้นจะต้องมีการประเมินมูลค่าของอสังหา ฯ นั้นตลอดเพื่อให้เห็นถึงมูลค่าที่เป็นปัจจุบันว่ามากขึ้นหรือลดลง หากลดลงทางบัญชีปกติก็อาจจะถือเป็นรายจ่ายในงบการเงินได้
เพื่อแสดงว่าทรัพย์สินของบริษัทลดลง แต่ว่าในทางภาษีแล้วเป็นภาษีต้องห้าม เพราะว่ายังไม่มีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์นั้นเกิดขึ้นและการประเมินมูลค่าก็ไม่มีหลักทางภาษีที่ตายตัวด้วย เลยเอามาหักภาษีไม่ได้
7. รายจ่ายทรัพยากรธรรมชาติที่เสียไป
สำหรับข้อนี้อาจจะเฉพาะบริษัทที่มีรายได้จากทรัพยากรธรรมชาติที่ตัวเองถืออยู่ อย่างทำธุรกิจขุดแร่ ตัดไม้ แม้มันจะลดลงปกติอยู่แล้วจากการขุดมาใช้ แต่ว่าในทางบัญชีทั่วไปก็ถือเป็นรายจ่ายที่ต้องคำนวณปกติ แต่ว่าในทางภาษีก็เป็นภาษีต้องห้ามเหมือนเดิม เพราะว่ามันไม่มีเกณฑ์ชัดเจนว่าการประเมินมูลค่าของทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้ไปนั้นแค่ไหน หากนำไปหักภาษีได้ก็อาจจะมีการประเมินที่เกินจริงไปอีก
8. ค่าปรับ
ในบางครั้งก็จะมีการต้องจ่ายค่าปรับ ไม่ว่าจะผิดน้อยหรือมากค่าปรับก็เกิดขึ้นได้ แต่ว่าเงินที่เสียค่าปรับไปนั้นคิดเป็นรายจ่ายทางบัญชีก็จริง แต่ว่าก็ยังเอามาหักภาษีไม่ได้นะ เพราะว่าสรรพากรมองเป็นภาษีต้องห้ามแล้วเพราะรายจ่ายนี้ไม่ใช่รายจ่ายทางธุรกิจแต่ว่ามันเกิดจากการทำผิดกฎหมายและได้รับการลงโทษโดยรัฐนั่นเอง








