ประกาศิต Drakon King ตอนที่6
เมื่อเฉินผิงปรากฎตัว ซูเหวินจงดีใจขึ้นมาทันที เขารีบตรงปรี่เข้าไปหาเฉินผิง
"น้องชาย ในที่สุดคุณก็มา เชิญเข้ามาด้านในก่อนครับ..."
ซูเหวินจงดึงมือของเฉินผิง ในใจรู้สึกโล่งอกเป็นอย่างมาก
"ประธานซูครับ ในเมื่อผมรับปากคุณแล้ว ผมต้องมาแน่นอนครับ"
เฉินผิงรู้ว่า ซูเหวินจงกลัวว่าตนเองจะผิดสัญญา
ซูเหวินจงรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย ทำได้เพียงฉีกยิ้มออกมา "น้องชาย เชิญ ๆ "
ท่าทางของซูเหวินจงอ่อนน้อมมาก จนทำให้คนที่พบเห็นต่างก็อยากรู้จักตัวตนของเฉินผิง
ซูอวี่ฉีเห็นเฉินผิงยืนตัวตรง ในขณะที่พ่อของเธอดูอ่อนน้อมเสียเหลือเกิน จึงทำให้เธอรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที
"อีตานี่นี่ยังไงนะ พ่อของฉันรอนายอยู่ตั้งครึ่งชั่วโมง นายเห็นสีหน้าพ่อฉันไหม ยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ ตกลงนายรักษาคนได้จริงหรือเปล่าเนี่ย"
เดิมทีซูอวี่ฉีก็รู้สึกทึ่งในตัวเฉินผิง ในตอนแรกที่เฉินผิงสามารถคุมอาการกำเริบของซูเหวินจงได้ ซูอวี่ฉีก็รู้สึกประหลาดใจ และคิดว่า เฉินผิงมีความสามารถจริง ๆ
แต่พอผ่านไปไม่นาน สีหน้าของซูเหวินจงก็เริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ ทำให้ ซูอวี่ฉีรู้สึกว่าเฉินผิงก็แค่พวกเล่นปา...่ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นพวก18 มงกุฎ
"อวี่ฉี อย่าเสียมารยาท รีบขอโทษน้องชายเขาซะ..."
ซูเหวินจงเอ็ดซูอวี่ฉีด้วยสีหน้าเคร่งขรีม
"หนูไม่ขอโทษเขาหรอกค่ะ พ่อดูสิ ขนาดผมของเขายังเกรียนอยู่เลย จะเป็นหมอเทวดาได้ยังไง หนูว่าจะต้องเป็นพวกต้มตุ๋นแน่ ๆ..."
ซูอวี่ฉีมองเฉินผิงด้วยสายตาเย็นชา เธอคิดว่าที่พ่อไม่ยอมไปหาหมอ ก็เพราะเฉินผิงคนนี้
เมื่อเห็นว่าซูอวี่ฉีไม่เชื่อฟัง ซูเหวินจงจึงรู้สึกโมโหจนหน้าแดง ลมหายใจเริ่มหอบถี่ ๆ
"แค่กๆๆๆๆ....."
ซูเหวินจงคิดอยากจะพูด แต่ยังไม่ทันได้พูดกล่าวว่าบุตรสาว เขาก็เริ่มไออย่างรุ่นแรง!
"พ่อ..."
ซูอวี่ฉีรีบเข้าไปประคองซูเหวินจง!
ซูเหวินจงไอเป็นเลือดสีดำออกมา ยิ่งทำให้ซูอวี่ฉีตกใจจนหน้าถอดสี
เฉินผิงขมวดคิ้วแน่นทันทีที่เห็นเลือดดำที่ซูเหวินจงกระอักออกมา ดูท่าแล้ว อาการบาดเจ็บของซูเหวินจงจะรุนแรงกว่าที่คิด เฉินผิงไม่รู้เลยว่า ซูเหวินจงอดทนต่ออาการบาดเจ็บที่หนักหนาขนาดนี้มาจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร
"รีบประคองพ่อของคุณไปที่ห้องเร็ว...."
เฉินผิงบอกซูอวี่ฉีที่กำลังตื่นตระหนก
แต่ซูอวี่ฉีกกลับเอาแต่นิ่งไม่ยอมเคลื่อนไหว เพราะเธอไม่เชื่อใจเฉินผิงสักเท่าไหร่!
เฉินผิงเห็นซูอวี่ฉีไม่ขยับ จึงขมวดคิ้วขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"คุณอยากเห็นพ่อของคุณตายต่อหน้าต่อตาใช่ไหม"
ซูอวี่ฉีถูกเฉินผิงตะคอกใส่ จึงรีบประคองซูเหวินจงไปที่ห้องวีไอพีของโรงแรม
เมื่อเข้าไปในห้อง เฉินผิงจับชีพจรให้ซูเหวินจง สีหน้าท่าทางเคร่งเครียด
ขณะที่เฉินผิงกำลังเตรียมจะรักษาซูเหวินจงอยู่นั้น ประตูห้องวีไอพีก็เปิดออก คุณหมอคนหนึ่งในชุดกาวน์สีขาวพร้อมสวมแว่นตาเดินเข้ามาด้านใน
"คุณหมอซุน เร็วเข้าค่ะ รีบมาดูอาการของพ่อเร็ว พ่อเพิ่งจะไอออกมาเป็นเลือดค่ะ!"
เมื่อเห็นคนที่เพิ่งจะเข้ามา ซูอวี่ฉีรู้สึกเหมือนมองเห็นความหวังสุดท้าย
"อะไรนะ หลีกให้หมอดูหน่อย..."
คุณหมอซุนรีบเปิดกล่องยาด้วยความตกใจ!
"หลบหน่อย...."
ซูอวี่ฉีผลักเฉินผิงออกไปด้านข้างแล้วเข้าไปประคองซูเหวินจง พลางพูดกับคุณหมอซุน "คุณหมอซุนคะ อาการของคุณพ่อต้องรบกวนคุณหมอแล้วนะคะ คุณต้องช่วยคุณพ่อนะคะ"
เวลานี้ ซูเหวินจงแทบจะหมดสติไปแล้ว ลมหายใจแผ่วเบามาก
"คุณหนูซูได้โปรดวางใจ ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถ"
เมื่อคุณหมอซูนพูดจบก็จับชีพจรของซูเหวินจงเวลาที่จับชีพจรยิ่งนานขึ้น คิ้วของคุณหมอซุนก็ยิ่งขมวดเป็นปม แน่นขึ้นตามไปด้วย ซูอวี่ฉีเห็นท่าทางของคุณหมอก็ยิ่งร้อนใจ แต่ยังคงไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา
"คุณหนูซู ประธานซูบาดเจ็บที่ม้ามและปอด เป็นโรคร้ายที่แฝงอยู่ โรคนี้สะสมมานาน การรักษาต้องค่อยเป็นค่อยไป แต่มีคนไปเร่งรัดให้เกิดภูมิคุ้นกันขึ้นอย่างฉับพลัน แม้ว่าจะได้ผลเป็นการชั่วคราว แต่มันจะทำให้อาการของประธานซูแย่ลง ตอนนี้อาการของประธานซูเข้าขั้นวิกฤตแล้ว ก่อนหน้าที่ผมจะมาถึง ใครดูอาการให้ประธานซูหรือครับ"
คุณหมอซุนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
เมื่อได้ยินดังนั้น ซูอวี่ฉีโกรธขึ้นมาทันที เธอจ้องไปที่เฉินผิง เมื่อสักครู่ที่เฉิงผิงรักษาพ่อของเธอ อาการของพ่อดีขึ้นมากจริง ๆ ตามที่คุณหมอซุนบอกไว้ แต่ไม่คิดว่าวิธีนี้จะเป็นการทำร้ายพ่อของเธอ
"นาย ไอคนหลอกลวง ถ้าพ่อของฉันเป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะไม่ยอมปล่อยนายไปเด็ดขาด!"
ซูอวี่ฉีตะคอกใส่เฉิงผิงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง หากไม่ใช่เพราะเธอกำลังประคองพ่ออยู่จนไม่สามารถละมือจากไปได้แล้วล่ะก็ ซูอวี่ฉีก็คงจะลงไม้ลงมือกับเฉินผิงไปแล้ว!
"คุณมีสิทธิ์อะไรมาหาว่าผมหลอกลวง ผมหลอกลวงอะไรคุณ ถ้าไม่ใช่เพราะผม ป่านนี้พ่อของคุณคงเป็นศพไปแล้ว ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย!!!"
เฉินผิงตอบกลับอย่างหงุดหงิด เขารู้สึกระอา ซูอวี่ฉีคนนี้เสียจริง ๆ ผู้หญิงคนนี้พออ้าปากออกมาทีไร ก็เอาแค่คอยด่าว่าเขา ว่าหลอกลวง หรือต้มตุ๋น ช่างเป็นคนที่ไม่มีความอ่อนโยนแบบผู้หญิงจริง ๆ เลยสักนิดเดียว!
"นาย...."
ซูอวี่ฉีโกรธจนแทบจะทนไม่ไหว แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาทะเลาะกับเฉินผิง เพราะเรื่องช่วยพ่อสำคัญกว่า
"หมอซุนคะ ได้โปรดรีบคิดหาวิธีเร็วเข้าเถอะค่ะ ขอร้องนะคะ...."
ซูอวี่ฉีร้อนใจจนเกือบจะร้องไห้ออกมา
คุณหมอซุนเปิดกล่องยาออก เขาหยิบยาเม็ดสีดำออกมาแล้วใส่เข้าไปในปากของซูเหวินจง จากนั้นก็หยิบห่อเข็มเงินออกมา แล้วฝังลงไปบนจุดฮุ่ยจง จุดเทียนไห่ และจุดจู๋ซื่อ!
"คุณทำแบบนี้ ไม่ใช่การช่วยชีวิตหรอกนะ แต่เป็นการทำร้ายคน..."
เมื่อได้เห็นวิธีการฝังเข็มของคุณหมอซุน เฉินผิงจึงพูดขึ้นอย่างใจเย็น
คุณหมอซุนขมวดคิ้วขึ้น "คุณหมายความว่ายังไง สงสัยผมรึ? หรือว่าคุณก็ฝังเข็มได้"
การฝังเข็มเป็นศาตร์ในการแพทย์แผนจีน ไม่เหมือนการแพทย์แบบตะวันตกที่เรียนแค่สามปีห้าปี ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญได้แล้ว การฝังเข็มตามตำรับแพทย์แผนจีนนั้น หากไม่ได้เรียนรู้ถึงแปดปี สิบปี ก็คงยากที่จะเข้าถึงแก่นแท้ และถ้าจะเรียนให้แตกฉาน เกรงว่าอาจจะต้องกินเวลาหลายสิบปี ซึ่งบางคนเรียนมาแล้วทั้งชีวิตยังไม่กล้าจะออกปากว่าตนเองเป็นผู้เชี่ยวชาญเลย
สำหรับเฉินผิงแล้ว ท่าทางอายุอานามราวสักยี่สิบปีได้เท่านั้น ต่อให้เรียนรู้การฝังเข็มมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา จะเก่งกาจได้สักแค่ไหนกันเชียว
ที่มา: Joy read







