จากโรคระบาดหมู สู่สถานการณ์โควิด และหมูเถื่อนสู่ประเทศไทย
ย้อนหลังกลับไปช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา สถานการณ์ของโรคระบาด ASF หรือ โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ที่แพร่กระจายไปในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก และได้ส่งผลกระทบสู่ประเทศไทยเช่นกัน ได้สร้างปัญหาใหญ่ให้กับตลาดราคาเนื้อหมูในประเทศ ทำให้ราคาเนื้อหมูเคยขึ้นไปสูงเกือบโลละกว่า 200 บาท
จากข้อมูลของสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ - https://www.swinethailand.com/ ระบุว่า
"ปี 2561 - 2565 ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรของโลกเพิ่มขึ้น ส่วนประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร มีมาตรการควบคุมโรคที่ดีขึ้น จนส่งผลให้ผลผลิตเนื้อหมูทั่วโลกทยอยปรับตัวดีขึ้น แต่ผลผลิตหมูไทยที่ได้รับความเสีบหายจากโรค ASF เกษตรกรรายย่อยชะลอการลงทุน และลดการเลี้ยงเพื่อลดความเสี่ยงขาดทุน จนส่งผลให้ผลผลิตหมูในประเทศลดลง จนทำให้ราคาเนื้อหมูปรับสูงขึ้น"
ถึงแม้ว่า ล่าสุดราคาเนื้อหมูเริ่มทยอยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องแล้วก็ตาม
อีกทั้งสถานการณ์โควิด-19 ก็ยังมาสร้างวิกฤตซ้อนในวิกฤต ที่สร้างผลกระทบต่อผู้บริโภคคนไทย จากการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ จากราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคที่ปรับเพิ่มขึ้น ทั้งค่าไฟ น้ำมัน อาหารสดปรับราคาขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาเนื้อหมูที่มีการปรับตัวสูงสุดในรอบ 10 ปี จนทำให้ต้นทุนในการขนส่งต้องปรับตัวขึ้นสูงตามราคาน้ำมัน
"ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก" สำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูไทย เมื่อ "หมูเถื่อน" จากต่างประเทศ ถูกลักลอบนำเข้ามาขายอย่างโจ่งแจ้งในช่องทางโซลเชียลมีเดีย จากความโลภของคนที่มองเห็นประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม ที่ลักลอบนำเข้าชิ้นส่วนหมูที่ต่างประเทศทิ้ง (ไม่กิน) เอาเข้ามาขายโดยไม่ผ่านการตรวจสอบโรค ไม่มีคุณภาพ มีสารปนเปื้อนอันตราย (สารเร่งเนื้อแดง) ไม่ปลอดภัย และที่สำคัญ อาจจะมีเชื้อโรคระบาด ASF เข้ามาด้วย ยิ่งจะทำให้ประเทศไทยที่สามารถควบคุมโรคระบาดนี้ได้สำเร็จ จนไม่มีโรคระบาด ASF ในช่วงปีที่ผ่านได้แล้ว กลับมาสร้างอันตราย และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงหมูของประเทศไทยอีกครั้ง
หากหมูเถื่อนไม่หมด อุตสาหกรรมเลี้ยงหมูเหลือเพียงรายกลาง และรายใหญ่ที่มีเงินทุน มีระบบป้องกันโรคระบาดที่ดีกว่าเพียงเท่านั้น ราคาเนื้อหมูในประเทศก็จะยังไม่กลับมาสู่สภาวะปกติได้ เพราะการเลี้ยงหมูต้องใช้ต้นทุนสูงกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ มาก
ในขณะที่ผู้บริโภคนิยมของถูก โดยไม่สนใจว่าจะต้องสนับสนุนคนเลี้ยงคนไทย หรือหมูไทย ว่าจะกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศอย่างไร ด้วยการซื้อหมูเถื่อนที่วางขายในช่องทางออนไลน์ต่างๆ ก็จะยิ่งทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูไม่อยากกลับมาลงทุนเพื่อเลี้ยงหมูอีก เพราะเกษตรกรเห็นแล้วว่าคงจะอยู่รอดในตลาดได้ยาก เพราะยิ่งมีหมูเถื่อน ที่ราคาถูก หมูมีโรค หมูมีสร้างเร่งเนื้อแดงปนเปื้อนโดยไม่ผ่านการตรวจโรคเข้ามาปะปนในระบบหมูในประเทศ โดยที่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ระมัดระวังว่าควรจะต้องบริโภคเนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพ และปลอดภัย เห็นแต่สินค้าราคาถูก ที่ไม่สามารถระบุแหล่งที่มาของเนื้อสัตว์เหล่านั้นได้
ดังนั้น การมองถึงความปลอดภัยทางอาหาร (Food Security) จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ในขณะที่ภาครัฐก็ควรจะต้องมีมาตรการที่จริงจัง และบทลงโทษที่ชัดเจน จับกุมตัวการรายใหญ่ที่ลักลอบนำเข้ามาลงโทษตามกฎหมายขั้นสูงสุด เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับผู้ลักลอบรายอื่นๆ ให้เกรงกลัวกฎหมาย รวมทั้งต้องส่งเสริมให้ผู้บริโภคคนไทยใส่ใจกับความปลอดภัยของอาหารที่กินเข้าไปด้วย ตามคำที่บอกว่า " You are what you eat" เพราะไม่เช่นนั้น ต่อไป คนไทยก็อาจจะเป็นมะเร็งกันมากขึ้น สุขภาพแย่ลง และถึงขั้นทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูไทย ไม่สามารถอยู่ในอุตสาหกรรมเลี้ยงหมูได้อีก
ถ้าคนไทย ไม่ช่วยคนไทยด้วยกัน เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูไทยอยู่ไม่ได้ อนาคตคนไทยก็คงจะต้องกินหมูแพงกว่าตอนนี้อย่างแน่นอน
















