ชาติไทยพัฒนาเปิดนโยบายแจกพันธุ์ข้าว 60ล้านไร่ เพื่อเกษตรกรชาวนาให้มีข้าวที่คุณภาพดีพร้อมปลูก ผลิตข้าวที่มีคุณภาพและพื้นดินในการเพาะปลูกที่ควบคู่ไปด้วย
เมื่อวันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 ที่ผ่านมาทางด้านพรรคชาติไทยพัฒนา โดยทางด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เปิดตัวแคมเปญหาเสียง WOW Thailand "ว้าว ไทยแลนด์"พร้อมประกาศตัวเป็นพรรคใช้สิ่งแวดล้อมพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และประเทศให้พัฒนาเดินหน้าต่อไป พร้อมกันนี้ยังได้เปิด 10 นโยบายลุยหาเสียง มั่นใจ "ทำได้จริง" สำหรับนโยบายหนึ่งในนั้นที่น่าสนใจและสามารถทำจริงเลยคือ แจกพันธุ์ข้าวฟรีทั่วประเทศ 60 ล้านไร่ ให้กับชาวนาได้ไปทำการเกษตรในการปลูกข้าวที่มีคุณภาพต่อไปและจะไม่ทำให้ประเทศไทยเราต้องเสียแชมป์พันธุ์ข้าวไทยที่ดีๆดังที่ผ่านมานั้นอีกต่อไป สำหรับการแจกเมล็ดพันธ์ข้าวยังไม่มีพรรคไหนที่มีนโยบายนี้ออกมาในการหาเสียง ส่วนมากการที่เกษตรชาวนาก็จะมีเมล็ดพันธุ์ข้าวที่จะปลูกไว้เป็นทุนเดิมไว้ปลูกอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดีก็สามารถไปขอรับได้ที่จากกรมการข้าว กองเมล็ดพันธุ์ข้าวและศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวทั้ง 29 แห่งรวมถึง ศูนย์วิจัยข้าวทั้ง 27 แห่งตามแต่ละจังหวัดที่มี และสถาบันวิทยาศาสตร์ข้าวจังหวัดสุพรรณบุรี แต่ในการไปขอรับก็จะต้องยุ่งยากในการดำเนินการต่างๆ ซึ่งถ้าได้รับการแจกให้เลยน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า และเกษตรกรทั่วประเทศก็ได้รับอย่างทั่วถึงทุกคนอีกด้วย
เมื่อพูดถึงเรื่องข้าวจึงขอหยิบยกข้อมูลของทางด้านนายเสมอกัน เที่ยงธรรม ส.ส.สุพรรณบุรี เขต 4 พรรคชาติไทยพัฒนา ที่ได้ประชาสัมพันธ์วิธีการทำนาแบบเปียกสลับแห้ง ให้พี่น้องชาวนาได้ลองนำไปใช้เพื่อเป็นประโยชน์ที่ดีต่อพันธ์ข้าวที่ปลูก และพื้นที่ดินที่ปลูกเอาไว้พัฒนาอีกต่อไปได้ พร้อมทั้งยังสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย สำหรับข้อมูลมีดังต่อไปนี้ สำหรับพี่น้องชาวนา ที่สนใจเปลี่ยนรูปแบบการทำนา เป็นวิธี #เปียกสลับแห้ง เพื่อขายคาร์บอนเครดิต ตันละ 400 บาท ที่กำลังเป็นข่าวและมีพี่น้องชาวนาสุพรรณบุรีทำได้จริงนั้น จึงขอนำขั้นตอนมาฝากดังนี้ ซึ่งทางกรมชลประทาน ได้แนะนำขั้นตอน การจัดการนํ้าแบบเปียกสลับแห้งในนาข้าว โดยเริ่มตั้งแต่การเตรียมดิน จากนั้นปรับให้พื้นที่สมํ่าเสมอ และปลูกข้าว (หว่าน ปักดำ หรือหยอด) ถ้าปลูกด้วยวิธีหว่าน หลังหว่านข้าวให้ระบายนํ้าให้แห้งเพื่อให้เมล็ดข้าว งอกสมํ่าเสมอ พ่นสารคุม-ฆ่าวัชพืชหลังหว่านข้าว 10 วัน และเอานํ้าเข้าแปลงหลังพ่นสารภายใน 2 วัน ประมาณ ครึ่งต้นข้าว รักษาระดับนํ้าไว้จนถึงช่วงการใส่ปุ๋ยรองพื้น
จากนั้น เมื่อข้าวอายุ 20-25 วัน ให้ใส่ปุ๋ยรองพื้น แล้วปล่อยนํ้าในนาให้แห้งไปโดยธรรมชาติ จนนํ้าอยู่ที่ระดับ 15 เซนติเมตรใต้ผิวดิน สูบนํ้าเข้าแปลงจนระดับนํ้าสูง 5 เซนติเมตรเหนือผิวดินแล้วปล่อยนํ้าให้แห้งไปตามธรรมชาติ ทำสลับกันไปจนถึงช่วงการใส่ปุ๋ยแต่งหน้า ที่ระยะกำเนิดช่อดอก หรือระยะข้าวแต่งตัว แล้วใส่ปุ๋ยแต่งหน้า และรักษาระดับนํ้าในแปลงให้อยู่ที่ 5 เซนติเมตรเหนือผิวดิน จนถึงก่อนเก็บเกี่ยว 10 วัน ค่อยปล่อยให้แปลงแห้ง เพื่อให้ข้าวสุกแก่สมํ่าเสมอและสะดวกต่อการเก็บเกี่ยว ซึ่งวิธีนี้นอกจากเป็นวิธีลดการใช้นํ้าแล้ว ยังลดการรบกวนของแมลงศัตรูพืชได้ดีอีกด้วย สำหรับทางด้านวิธีการขายคาร์บอนเครดิตได้ด้วยนั้นจะมีโดยบริษัทจะรับซื้อคาร์บอนเครดิตจากชาวนา ให้ราคาตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าละ 400 บาท โดยมีเงื่อนไขคือเกษตรกรต้องทำนาแบบเปียกสลับแห้ง โดยปล่อยนํ้าในการทำนาให้แห้ง 2 ครั้ง เพราะการทำนาแบบเปียกสลับแห้ง จะลดการปล่อยก๊าซมีเทนที่เป็นตัวการสร้างภาวะโลกร้อนจากผืนนา ได้กว่า 55% และยังช่วยเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ได้อีก 20% ด้วย ซึ่งทางบริษัท จะโอนเงินให้ทันทีจากการใช้เทคโนโลยีจานดาวเทียมเฉพาะ ตรวจสอบพื้นที่ที่ได้ลงทะเบียนกับ Spiro Carbon โดยตรวจจับพืชผลที่มีแสงแตกต่างกันออกไป พร้อมแสดงข้อมูลพิสูจน์ว่า ที่นาผืนนี้มีการทำนาแบบเปียกสลับแห้งจริงไหม และลดก๊าซมีเทนไปได้ในปริมาณเท่าใด และจากเท่าที่ทราบข่าวตอนนี้ มีพี่น้องชาวนาที่อ.เดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ขายคาร์บอนเครดิตได้แล้ว 2 ราย รายละ 10 ไร่ สร้างรายได้ประมาณ 8,000 กว่าบาทต่อราย มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 9,000 ไร่ แล้วด้วย ถือว่าเป็นนโยบายที่ต่อยอดให้กับพี่น้องชาวเกษตรกรชาวนาและเข้าถึงอย่างแท้จริง















