เมนูอร่อยที่ต้องแลกมาด้วยกลิ่นคาวเลือดและความตาย
เชื่อว่าหลายคนคงต้องเคยได้ยินเมนูอาหารที่ทำจาก 'หูฉลาม'
ซึ่งถือเป็นอาหารยอดนิยมที่มีจำหน่ายในภัตตาคารหรูราคาแพง
เมนูที่ทำจากหูฉลามนั้นขึ้นชื่อเป็นอย่างมากในเรื่องความอร่อย
แต่กลับถูก 'ต่อต้าน' อยู่ไม่ใช่น้อยจากองค์กรต่างๆทั่วโลก
เนื่องจากกระบวนการของการได้หูฉลามมานั้นถือว่า 'โหดเหี้ยม' อยู่ไม่น้อย
การจะได้หูฉลามมาไว้ทำเป็นอาหารนั้น จะต้องจับปลาฉลามทั้งเป็น
มาตัดหั่นเอาเฉพาะส่วนที่เป็นครีบของปลาฉลาม ซึ่งมีลักษณะเป็นกระดูกอ่อน
ที่แบ่งออกได้เป็นสองส่วน คือฐานครีบและก้านครีบ ซึ่งเป็นกระดูกที่มีลักษณะเป็นเส้นๆ
เพื่อช่วยให้ปลาฉลามสามารถแผ่ครีบออกได้ ซึ่งส่วนที่นำมาทำเป็นหูฉลามนั้นก็คือ 'ก้านครีบ'
ซึ่งต้องผ่านกระบวนการหลายอย่าง ตั้งแต่การแตกแห้ง ต้มจนเปื่อย และขูดหนังทิ้งจนเหลือแต่กระดูกอ่อน
โดยมีความเชื่อกันว่า หูฉลามที่นำมาต้มจนเปื่อยและตุ๋นจนได้ที่ จะกลายเป็นอาหารวิเศษในการบำรุงร่างกาย
แต่คุณค่าในทางอาหารแล้ว หูฉลามหนึ่งชามมีค่าเท่ากับไข่เป็ดฟองเดียวเท่านั้น
จากความนิยมในการบริโภคหูฉลาม ทำให้ทั่วโลกมีการล่าปลาฉลามเพื่อตัดเอาครีบมาทำเป็นหูฉลาม
มีมากขึ้นเรื่อยๆทุกปี รายงานของกองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) ระบุว่า มีปลาฉลามจำนวนกว่า 73 ล้านตัว
ถูกฆ่าในทุก ๆ ปี และในปี ค.ศ. 2010 มีสปีชีส์ปลาฉลามกว่า 180 สปีชีส์ ที่ถูกคุกคาม
เทียบกับปี ค.ศ. 2000 ที่ถูกคุกคามเพียง 15 สปีชีส์ ซึ่งถือว่าเพิ่มสูงขึ้นมาก
ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการค้าหูฉลามมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
เฉพาะแค่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ก็มีภัตตาคารที่ขายหูฉลามมากกว่า 100 ร้านแล้ว
และจากการศึกษาพบว่า หูฉลามเป็นหนึ่งในเมนูอาหารยอดนิยมของชาวไทย
โดยจะพบได้มากถึงร้อยละ 60 ทั้งในงานเลี้ยงสังสรรค์ หรือมื้ออาหารตามปกติ
แม้ในยุคปัจจุบันจะมีการรณรงค์ให้เลิกบริโภคหูฉลามกันอย่างจริงจังแล้วก็ตาม








