“ไม่มีที่ให้พวกเหยียดเชื้อชาติในสังคมเรา” แถลงการจากโฆษกของเจ้าชายวิลเลียม หลังจากอดีตนางสนองพระโอษฐ์ควีน “เหยียด” สตรีผิวดำในงานเลี้ยงที่บักกิงแฮม
เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา สมเด็จพระราชินีคามิลลาทรงพระราชทานให้จัดงานเลี้ยงรับรอง ที่พระราชวังบักกิงแฮมขึ้น และได้เชิญแขกมาร่วมงานกว่า 300 คน จุดประสงค์ก็เพื่อสร้างความตระหนักถึงความรุนแรงในครอบครัวต่อผู้หญิงที่กำลังระบาดไปทั่วโลก
อึงโกซี ฟูลานี ในฐานะผู้ก่อตั้งมูลนิธิ Sistah Space ที่ให้ความช่วยเหลือหญิงผิวดำที่เป็นเหยื่อความรุนแรงในครอบครัวในสหราชอาณาจักรได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานนี้ด้วย
ในงานมีบุคคลในพระราชวังหลายท่านเข้าร่วม หนึ่งในนั้นคือ เลดี้ซูซาน ฮัซซี่ อดีตนางสนองพระโอษฐ์ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 วัย 83 ปี และเธอยังเป็นแม่ทูนหัว (godmother) ของเจ้าชายวิลเลียมด้วย เธอสนิทสนมกับควีนเอลิซาเบธมาก เป็นนางสนองพระโอษฐ์มาหลายสิบปี โดยเธออยู่เคียงข้างสมเด็จพระราชินีนาถตลอดในพิธีศพของเจ้าชายฟิลิป แม้หลังการสวรรคตของควีน เธอยังมีตำแหน่งในสำนักพระราชวังต่อไป
โดยในงานเลดี้ซูซาน ฮัซซี่ ได้มีโอกาสคุยกับ อึงโกซี ฟูลานีในงาน ซึ่งบทสนทนาเหมือนจะเป็นการเหยียดเชื้อชาติฟูลานี โดยเธอได้เล่าบทสนทนานี้ผ่านรายการ Today ของ สถานีวิทยุ BBC Radio 4 เมื่อวานว่าบทสนทนานี้ทำให้ฉันรู้สึกว่า "เหมือนกับการสอบปากคำ ของตำรวจยังไงอย่างนั้น" และเธอยังเล่าให้เว็บไซต์ข่าวอินดิเพนเดนท์ฟังด้วย
เหตุการณ์วันนั้น เลดี้ซูซาน ฮัซซี่ (SH) ได้เอามือมาปัดผมที่บังป้ายชื่อบนอกเสื้อของเธอ เพื่อดูชื่อเสียงเรียงนาม แล้วเริ่มถามเธอว่า
Lady SH: เธอมาจากไหน?
ฟูลานี: Sistah Space
SH: ไม่ใช่ เธอมาจากแถวไหน?
ฟูลานี: สำนักงานเราอยู่ที่แฮ็กนีย์ (ย่านหนึ่งในลอนดอน)
SH: ไม่ใช่ เธอมากจากส่วนไหนของแอฟริกา?
ฟูลานี : ดิฉันไม่ทราบค่ะ พวกเขาไม่ได้บันทึกไว้
SH: เอิ่ม เธอต้องรู้สิ คุณมาจากที่ไหน? ฉันเคยอยู่ฝรั่งเศสมาก่อน แล้วคุณมาจากไหน?
ฟูลานี: อยู่ที่นี่ละค่ะ สหราชอาณาจักร
SH: ไม่ใช่ เธอถือสัญชาติอะไร?
ฟูลานี: ดิฉันเกิดที่นี่ และมีสัญชาติอังกฤษค่ะ
เมื่อเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีบางคนบอกว่าบทสนทนาแบบนี้เป็นเรื่องปกติของผู้สูงวัย แต่เป็นเรื่องของการไม่ให้เกียรติกัน "ดิฉันอยากถามจริง ๆ ว่า เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรในพื้นที่ที่จัดขึ้นเพื่อการรณรงค์ให้ความคุ้มครองแก่ผู้หญิงจากความรุนแรงทุกชนิด แม้เรื่องนี้ไม่ใช่ความรุนแรงโดยการใช้กำลัง แต่ก็ถือว่าเป็นการล่วงละเมิดแบบหนึ่ง"
หลังจากนั้นทางสำนักพระราชวังก็ออกมาให้ข่าวช่วงบ่ายวันที่ 30 พ.ย. ว่า เลดี้ซูซาน ฮัซซี่ได้กล่าว "ขออภัยอย่างสุดซึ้ง" ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นและเธอก็ได้ลาออกจากบทบาทที่ทรงเกียรตินี้ ส่วนทางสำนักพระราชวังเองก็แถลงด้วยว่า "สิ่งที่พูดออกมาเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ และน่าเสียใจอย่างสุดซึ้ง" และถ้อยแถลงจากโฆษกของเจ้าชายวิลเลียม "ไม่มีที่ให้พวกเหยียดเชื้อชาติในสังคมเรา"
https://www.bbc.com/thai/international-63822432













