ขายรถผ่อนอยู่..เสี่ยงนอนคุก!
ขายรถผ่อนอยู่.... เสี่ยงนอนคุกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับการที่ผู้เช่าซื้อรถยนต์ฯ ได้มีการนำรถที่อยู่ระหว่างผ่อนกับไฟแนนซ์ไปขายและถูกหลอกเชิดรถไปนั้น ตามกรณีหมายแล้วกรณีที่ผู้เช่าซื้อนำทรัพย์นั้นไปตีใช้หนี้หรือเอาไปขาย เป็นการเบียดบังทรัพย์สินที่เช่า ผิดฐานยักยอก
โดยจากคำพิพากษาศาลฎีกาอ้างอิง คำพิพากษาฎีกา 6540/2548 จำเลยเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมไป แม้จำเลยจะมีสิทธิใช้สอยและครอบครองรถจักรยานยนต์ตามสัญญาเช่าซื้อ แต่รถจักรยานยนต์ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ร่วม เมื่อโจทก์ร่วมประสงค์จะตรวจดู จำเลยจำต้องยอมให้ผู้เช่าซื้อตรวจดูทรัพย์สินที่เช่าซื้อได้เป็นครั้งคราวในเวลาและระยะอันสมควรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 555 การที่จำเลยไม่สามารถนำรถจักรยานยนต์มาให้โจทก์ร่วมตรวจดูได้ แม้จำเลยได้แสดงเจตนาที่จะชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์ร่วม แต่จำเลยกับพวกนำรถไปขายที่ต่างประเทศแล้ว ถือได้ว่าจำเลยเบียดบังเอารถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมไปเป็นของตนเองหรือบุคคลอื่นโดยสุจริต เป็นความผิดฐานยักยอก
ด้านแหล่งข่าวนักกฎหมาย ระบุว่า กรณีที่ผู้เช่าซื้อผ่อนไม่ไหว และต้องการขายต้องติดต่อกับทางไฟแนนซ์เพื่อเปลี่ยนสัญญาฯ เท่านั้น หากขายแบบโอนลอยและทางผู้ซื้อไม่มีการเปลี่ยนสัญญาความผิดใดๆ อาทิ หากรถคันนั้นขับไปชนคนตาย, รถหาย, ผู้ซื้อใหม่ไม่ยอมผ่อนต่อ, รถยนต์หาย ฯลฯ ผู้เช่าซื้อจะต้องรับโทษทั้งในคดีอาญาและทางแพ่ง โดยอ้างเหตุว่าขายรถไปให้กับผู้อื่นไม่ได้ เพราะกรรมสิทธิ์ของรถคันดังกล่าวนั้นเป็นของไฟแนนซ์
นอกจากนี้ กรณีที่รถยนต์หาย ทางผู้เช่าซื้อฯ ก็ไม่สามารถไปแจ้งความกับตำรวจได้ เพราะกรรมสิทธิ์เป็นของไฟแนนซ์ รวมทั้งอาจจะมีความผิดในฐานะยักยอกทรัพย์ ซึ่งมีโทษจำคุก เพราะฉะนั้นหากต้องการขายดาวน์ต้องเปลี่ยนสัญญาเท่านั้น




