ประกันราคาข้าว ชาวนาว่าไงทะยอยได้รับหรือยัง
เมื่อ 21 พฤศจิกายน 2565 บอร์ดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีมติเห็นชอบในมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูก ปีการผลิต 2565/66 ประกอบด้วย 4 โครงการ กรอบวงเงิน 81,265.906 ล้านบาท ดังนี้
- โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 วงเงิน 18,700.13 ล้านบาท
- โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 วงเงิน 55,083.086 ล้านบาท
- โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2565/66 วงเงิน 7,107.69 ล้านบาท วงเงินจ่ายสินเชื่อ 25,590 ล้านบาท
- โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2565/66 วงเงิน 375 ล้านบาท วงเงินจ่ายสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท
โดยเริ่มโอนเงินประกันข้าว 65/66 และเงินเยียวยา ไร่ละ 1,000 บาท เข้าบัญชีกลุ่มเกษตรกร (ชาวนา) ตามงวด ดังนี้
โครงการประกันรายได้ข้าวปี 4 ดังนี้
- งวดที่ 1 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งเก็บเกี่ยวก่อนวันที่ 15 ตุลาคม 2565
- งวดที่ 2 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งเก็บเกี่ยว ตั้งแต่วันที่ 15 - 21 ตุลาคม 2565
- งวดที่ 3 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันเก็บเกี่ยว ตั้งแต่วันที่ 22-28 ต.ค. 2565
- งวดที่ 4 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันเก็บเกี่ยว ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม – 4 พฤศจิกายน 2565
- งวดที่ 5 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันเก็บเกี่ยว ตั้งแต่วันที่ 5 – 11 พฤศจิกายน 2565
- งวดที่ 6 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันเก็บเกี่ยว ตั้งแต่วันที่ 12– 18 พฤศจิกายน 2565
*สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันเก็บเกี่ยวหลังจากนี้ จะประกาศทุกๆ 7 วัน
สูตรในการคำนวณเงินชดเชยส่วนต่าง (ราคาประกัน – ราคาอ้างอิง) X ผลผลิต/ไร่ ดังนี้
- ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันรายได้ 15,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย/ไร่ 359 กก.
- ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันรายได้ 14,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย/ไร่ 432 กก.
- ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันรายได้ 10,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย/ไร่ 602 กก.
- ข้าวเปลือกปทุมธานี ราคาประกันรายได้ 11,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย/ไร่ 682 กก.
- ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันรายได้ 12,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย/ไร่ 387 กก.
โครงการเงินเกษตรกร ไร่ละ 1,000 บาท มีกำหนดโอนเงิน ดังนี้
- วันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 จังหวัดในเขตภูมิภาค ภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แม่ฮ่องสอน ลำพูน พิจิตร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ พิษณุโลก สุโขทัย กำแพงเพชร ตาก อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี
จำนวนเกษตรกร 804,017 ราย
จำนวนเงิน 10,015 ล้านบาท
- วันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 จังหวัดในเขตภูมิภาค ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ลำปาง น่าน แพร่ อุดรธานี ร้อยเอ็ด มหาสารคาม และอุบลราชธานี
จำนวนเกษตรกร 985,871 ราย
จำนวนเงิน 10,841 ล้านบาท
- วันที่ 26 พฤศจิกายน 2565 จังหวัดในเขตภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ขอนแก่น สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ นครราชสีมา และยโสธร
จำนวนเกษตรกร 988,459 ราย
จำนวนเงิน 11,037 ล้านบาท
- วันที่ 27 พฤศจิกายน 2565 จังหวัดในเขตภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ บึงกาฬ หนองบัวลำภู หนองคาย มุกดาหาร สุรินทร์ บุรีรัมย์ ชัยภูมิ และ ศรีสะเกษ
จำนวนเกษตรกร 980,489 ราย
จำนวนเงิน 11,369 ล้านบาท
- วันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 จังหวัดในเขตภูมิภาคได้แก่
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : เลย อำนาจเจริญ
ภาคกลาง : พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท ปทุมธานี สระบุรี และลพบุรี
ภาคตะวันออก : ชลบุรี ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี สระแก้ว สมุทรปราการ และตราด
ภาคตะวันตก : ราชบุรี นครปฐม กาญจนบุรี สุพรรณบุรี เพชรบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และประจวบคีรีขันธ์
ภาคใต้ : ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา ภูเก็ต นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ตรัง สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
จำนวนเกษตรกร 546,458 ราย
จำนวนเงิน 7,345 ล้านบาท
สำหรับสุพรรณบุรีนั้น ยอดหลายพันล้านกันเลยทีเดียว ทั้งนี้ต้องเกาะติดกันอย่างใกล้ชิดว่าจะมีปัญหาในการจ่ายหรือเปล่า หากเกษตรกรท่านใดสงสัย หรือต้องการตรวจสอบผลการโอนเงิน เข้าตรวจสอบได้ที่ เว็บไซต์ chongkho.inbaac.com “เงินเยียวยาเกษตรกร” จากนั้นกรอกเลขประจำตัวบัตรประชาชน และกดค้นหา รายละเอียดของบัญชี จำนวนเงิน และโครงการของเงินช่วยเหลือที่ได้รับจะปรากฏขึ้น สามารถตรวจสอบยอดเงินได้ด้วยตัวเอง หรือทางแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. A-Mobile นั่นเอง