ปีที่ไทยเป็นหนี้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์
คำว่า 'หนี้' อาจเป็นคำที่ไม่น่าฟังเท่าไหร่นัก เพราะหมายถึงภาระข้อผูกพันที่ต้องมีการรับผิดชอบชดใช้ จะมีหนี้มากหรือน้อย ผู้ที่มีสถานะเป็นลูกหนี้ก็ต้องหามาชดใช้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดหรือจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม
ประเทศไทยก็เป็นหนี้อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เมื่อเทียบกับประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจในระดับไกล้เคียง ที่ผ่านมาหนี้สาธารณะของเรามีแนวโน้มสูงขึ้นและไม่มีทีท่าว่าจะลดลง เพราะหลายๆนโยบายของภาครัฐก็จำเป็นต้องใช้เม็ดเงินมหาศาล ในขณะที่ได้ผลตอบแทนกลับมาไม่มากพอจนเกิดสภาวะขาดดุล
โดยจากรายงานล่าสุด ในปี 2565 นี้ ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะมากถึง 9.83 ล้านล้านบาท โดยเพิ่มจากปีก่อน 5.24% หนี้สาธารณะในปัจจุบันของไทย เทียบเป็น 60.17% ของตัวเลข GDP
ปี 2565 นี้จึงถือเป็นปีที่ไทยมีหนี้สูงที่สุด และมีหนี้ต่อ GDP สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วย ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา (2563-2565) ไทยมีหนี้เพิ่มขึ้นสูงสุดถึงปีละ 20% โดยมีสาเหตุหลักมาจากการระบาดของโรคไวรัสโคโรนา และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้รัฐบาลต้องกู้ยืมเงินมากขึ้น และยังมีความเป็นไปได้ที่จะกู้มากขึ้นไปอีก
ก่อนหน้านี้ ปีที่ไทยมีหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นมากที่สุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ คือในปี 2552 หลังจาก 'วิกฤตซับไพรม์' ที่มีหนี้เพิ่มขึ้น 21.2% ขยับจาก 3.41 ล้านล้านบาท เป็น 4.0 ล้านล้านบาท








