พี่ชายเพื่อนแอบแซ่บ PWP
๑
คุณหนูดาริน
นาทีนี้ไม่มีใครไม่ซุบซิบข่าวของไฮโซสาวอย่าง ‘ดาริน พิชัยเวช’
พ่อบังเกิดเกล้าล้มละลายแล้วชิงฆ่าตัวตายหนีหนี้ ชีวิตยังบัดซบได้มากขึ้นไปอีก เมื่อแม่เลี้ยงฮุบสมบัติทุกอย่างที่เธอเคยมีเอาไปจนหมด
หญิงสาวไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแม่เลี้ยงเริ่มวางแผนยักยอกถ่ายเททรัพย์สินไปตั้งแต่ตอนไหน สถานะตอนนี้ของเธอคือสิ้นเนื้อประดาตัว
ไม่มีแม้ที่ซุกหัวนอน
ดารินร้องไห้ที่เสียพ่อไปน้ำตายังไม่ทันแห้ง กลับต้องตกอยู่ในสภาพที่ไม่เหลืออะไร โลกสดใสของเธอถล่มลงมาเหมือนกำลังนอนหลับฝันดีแล้วถูกทอร์นาโดเข้าพัดถล่ม
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็ว ไม่ทันตั้งตัว
เธอช็อคกับเรื่องที่เกิดขึ้นไปหลายวัน เครื่องมือสื่อสารทุกอย่างถูกปิด ขังตัวเองอยู่แต่ในห้องนอน
ครั้งนี้เธอเจ็บหนัก
ชีวิตที่ไม่เคยสะกดคำว่าลำบากมาก่อน กลับพลิกผันเพียงพริบตา แม้ตอนนี้ทางกายเธอยังไม่ลำบาก แต่ด้านจิตใจกลับเป็น แผลลึก
บางครั้งความตายอาจดูง่ายกว่า เหมือนที่พ่อเธอทำลงไป
เธออยากตาย
ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตที่เหลือยังไงด้วยซ้ำ คุณหนูที่เคยผลาญเงินเล่นเป็นเศษกระดาษ วันหนึ่งกลับเหลือเงินติดบัญชีไม่พอซื้อคอนโด ไว้ซุกหัวนอนด้วยซ้ำ
แม้กระทั่งคอนโดหรูหราที่พ่อเคยซื้อไว้ให้แต่ไม่ใช่ชื่อของเธอ ก็ไม่มีเหลือ
‘ถ้าว่าง...รินก็ไปเก็บข้าวของที่คอนโดแล้วย้ายออกไปซะ แม่จะขายมันทิ้ง’ คำพูดเรียบเรื่อยของนภาลัยดังขึ้น
หล่อนนั่งไขว่ห้างยื่นมือขาวสะอาดพิจารณาเล็บเจลสีแดงสด ที่เพิ่งไปทำมา
ดารินกลับมาถึงบ้านหลังจากนำกระดูกของบิดาไปลอยอังคาร ไม่มีแม้แต่เงาของแม่เลี้ยง
ใจดำผิดมนุษย์
ดารินไม่คิดจะต่อความด้วยแค่นี้ก็เจ็บมากพอแล้ว เธอมีเวลาเก็บข้าวของและความทรงจำทุกอย่างอีกไม่ถึงหนึ่งเดือน
ทุกอย่างกำลังจะกลายเป็นอดีต คิดมาถึงตรงนี้น้ำตาก็ตกใน ความคับข้องสุมอยู่ในอก มันอัดแน่นจนแทบระเบิดออกมา
ร่างบางกำลังจะเดินจากไป ถ้านภาลัยไม่จี้จุดที่ทำให้ดาริน สติหลุด
‘ขอร้องฉันให้ยกคอนโดให้เธอก็ได้นะ เผื่อว่าฉันจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ครั้งหนึ่งเราเคยเป็นแม่ลูกกัน” น้ำเสียงรื่นหูเจือความเย้ยหยันในที เหมือนคนที่รู้ตัวว่ายังไงก็เป็นผู้ชนะวันยังค่ำ
นังเด็กร้ายกาจ หยิ่งผยองยามที่พ่อมันตามใจจนไม่เคยเห็น หัวใคร เธอเกลียดมันจนอยากจะเหยียบให้จมดิน
สาแก่ใจ!
เธอไม่คิดร้องขอความเมตตาจากคนอย่างนภาลัย เธอหันกลับมาจ้องมองคนที่ยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ก่อนจะสาดวาจาเผ็ดร้อนออกไป
‘ฉันไม่เคยนับเธอเป็นแม่ นิสัยขี้ขโมยแก้ยังไงก็ไม่มีวันหาย นานเข้าก็กลายเป็นสันดาน’ เธอกดเสียงเน้นหนัก แล้วสะบัดหน้าเดินจากไป
ไม่ใช่เพราะนภาลัยหรอกเหรอ แม่เธอถึงต้องตรอมใจตาย เพื่อนทรยศที่ขโมยทุกอย่างไปจากแม่ของเธอกระทั่งลมหายใจ
เลี้ยงไม่เชื่อง
นภาลัยแทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความแค้นเคือง แววตามาดร้ายมองตามแผ่นหลังตั้งตรงที่เดินขึ้นไปยังชั้นสอง
เหลือแต่ตัวยังไม่วายปากดี
“แกจะได้เห็นดีกับฉันนังดาริน”
หลังจากเข้ามาในห้องล็อคประตูเรียบร้อย ความเข้มแข็งที่มีก็พังทลาย เธอทรุดตัวลงบนพื้นเย็นเฉียบ ร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
ยามนี้เธอไม่เหลือใคร
ไม่มีพี่น้อง ญาติที่เหลือก็เหมือนปลิงที่คอยแต่จะสูบเลือดเนื้อ ตอนนี้เธอไร้ประโยชน์ให้พวกเขาจะมีใครอยากเกี่ยวข้องด้วย
‘รินให้เราไปอยู่เป็นเพื่อนมั้ย หรือจะมาพักที่บ้านเราก่อน ก็ได้นะ’
เธอนึกถึงเพื่อนสนิทคนเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ในชีวิต พราวพริ้มดีกับเธอเสมอ ไม่ว่าเธอจะเคยเอาแต่ใจขนาดไหนเพื่อนก็ไม่เคยถือสา
ยิ่งพราวพริ้มดีกับเธอมากเท่าไหร่ ดารินก็ไม่อยากเป็นภาระให้ใครอีก เธอควรจะเดินไปตามทางของตัวเอง ต้องยืนให้ได้ด้วยตัวเองสิเธออายุ 23 ปีแล้ว
มือบางป้ายน้ำตาออกจากใบหน้า สูดหายใจเข้าลึก เธอจะอ่อนแอแบบนี้ไม่ได้
ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่มีวันไหนที่เธอไม่ร้องไห้ ปล่อยตัวเองจมอยู่กับความทุกข์ที่ไร้การปลดปล่อย เมื่อก่อนเคยเป็นสาวปาร์ตี้สุดเหวี่ยง ถึงยังไงเหล้าก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีในช่วงชีวิตบัดซบแบบนี้
ขอไปปลดปล่อยตัวเองส่งท้ายให้กับชีวิตพัง ๆ อีกสักครั้งเถอะ ถือเป็นการส่งท้ายชีวิตหรูหราของคุณหนูดาริน
หญิงสาวลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว เธอยังเหลือเวลาอีกเกือบอาทิตย์ตามที่พินัยกรรมระบุเอาไว้
ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างเธอยังมีสิทธิ
คลับหรูหราที่เคยมาประจำกลายเป็นที่สิงสถิตของหญิงสาวมาตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ เธอมาถึงเป็นคนแรก ๆ พยายามเลือกโต๊ะด้านในที่ผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่านเป็นที่นั่งดื่ม
รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก
ร่างกายขาวผ่องอยู่ในชุดเดรสเกาะอกสีดำปักเลื่อมทั้งตัว เรียกสายตาผู้คนได้ไม่น้อย เธอไม่สนใจเสียงซุบซิบนินทาที่เล็ดลอดเข้าหู ทั้งจากคนที่ตั้งใจและไม่ทันเห็นว่าเธอมีตัวตนอยู่ตรงนี้
ใช้ทุกนาทีให้คุ้มค่าซึมซับโลกหรูหราที่ใกล้จะกลายเป็น เพียงอดีต
เธอไม่มีเงินมากมายพอที่จะมาถลุงในสถานที่แห่งนี้อีกแล้ว แต่ตอนนี้เธอยังสามารถเบิกเงินส่วนกลางออกมาใช้ได้ เพียงแต่มันถูกจำกัดวงเงิน
ยิ่งดึกผู้คนยิ่งพลุกพล่าน เป็นที่รู้กันดีว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่รวมตัวของเหล่าไฮโซทั้งหลาย เหมือนยังเจ็บไม่พอเธอจึงเลือกที่จะพาตัวเองมาให้คนสมน้ำหน้าซ้ำ
เป็นความสะใจที่เธอตั้งใจเชียวหละ
เจ็บเท่าไหร่ยิ่งดี จะได้มีแรงฮึดสู้มากขึ้น
มุมปากเคลือบลิปสติกสีน้ำตาลเข้มเหยียดยิ้มให้โชคชะตาของตัวเอง
เธอยกแอลกอฮอล์ขึ้นดื่มแบบแก้วต่อแก้ว ดื่มชนิดที่เรียกว่าอาบเลยก็ว่าได้
เธออยากเมา เมาให้สติขาดไปเลยก็ยิ่งดี
คล้ายมีเงาของใครบางคนเดินใกล้เข้ามา เขายืนค้ำหัวจนเธอต้องเงยหน้ามอง
ใคร! ไร้มารยาทสิ้นดี
เธอไม่คุ้นหน้า และไม่เคยรู้จัก
“เชิญคุณดารินไปพบเจ้านายผมสักครู่ครับ”
“ทำไมฉันต้องไป ฉันไม่รู้จักเจ้านายคุณ” ถึงจะเมาแต่เธอก็มีสติครบถ้วน ใช่ว่าไม่เคยดื่มแบบหัวราน้ำมาก่อน คอเธอไม่ได้อ่อนขนาดนั้น
“อย่าให้มีเรื่องกันเลยนะครับ”
เธอรู้สึกไม่พอใจที่อยู่ ๆ ก็มีคนเข้ามาคุกคามโลกสงบสุขของตัวเอง
“เจ้านายคุณน่ะใคร” อย่างน้อยเธอก็ต้องรู้ชื่อของเขา ถ้าไม่ใช่คนรู้จักก็ไม่มีวันไปหรอก แต่ถึงจะรู้จักก็ขอคิดอีกที
“คุณกรวิทย์ครับ”
เธอทบทวนความจำว่าเคยรู้จักใครชื่อนี้หรือไม่
“ฉันไม่รู้จัก เลิกมารบกวนเวลาส่วนตัวของฉันได้แล้ว”
เธอตัดบทก่อนที่ผู้ชายร่างสูงคนนั้นจะเดินจากไปเงียบ ๆ หญิงสาวถอนหายใจออกมา ทำไมจะจำไม่ได้กับผู้ชายเจ้าชู้คนนั้น คนที่พยายามหาวิธีจะเอาเธอไปบำเรอกามอย่างไม่คิดปิดบัง
เธอควรจะกลับได้แล้ว ดารินบอกตัวเอง สัญชาติญาณบางอย่างบอกว่าต้องระวังตัว
เธอเดินออกมายังลานจอดรถเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อย กำลังจะสตาร์ทเครื่องยนต์ประตูฝั่งคนขับก็ถูกกระชากออก
เธอตกใจไม่น้อยและก็โมโหมากเสียด้วยที่สะเพร่าไม่ได้ล็อคประตู
“ทำบ้าอะไรของแกฮะ” เธอโวยวายเผลอตัวตามความเคยชิน คิดว่ายังเป็นคุณหนูผู้มีแต่คนตามใจ
ท่อนแขนเรียวถูกมือหนาฉุดรั้งให้ออกมาจากรถ เธอดิ้นรนขัดขืน สายตาเหลือบเลยไปเห็นรถเอสยูวีสีดำทั้งคันไม่เว้นแม้แต่ฟิล์มจอดขวางอยู่ไม่ไกล ขนอ่อนบนต้นคอลุกเกลียว
เธอกำลังจะถูกลักพาตัว
จากใคร?
ความทรงจำบางอย่างผุดขึ้นมาชั่วขณะ
ไอ้สารเลวนั่น! ที่มันกล้าทำขนาดนี้ก็เพราะรู้ว่าเธอไม่มีใครคุ้มครองอีกแล้ว เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวที่ไร้สิ้นทุกอย่าง
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอย่างแค้นเคือง
สุดท้ายเธอก็แพ้แรงของผู้ชาย ร่างบางปลิวตามการฉุดรั้งจนถลาออกมานอกรถเบนซ์สปอร์ตสีแดงเพลิง
กรวิทย์เปิดประตูก้าวออกมาจากตัวรถ เขานั่งมองเธอพยศมาครู่ใหญ่ มุมปากกดรอยยิ้มลึก พึงพอใจกับความพยศของดาริน ผลไม้บนต้นไม้สูงที่ไม่คิดว่าจะมีวันร่วงหล่นลงพื้นดิน
“เบา ๆ หน่อยสิวะ” เขาแสร้งทำเป็นดุลูกน้องต่อหน้าเธอ หวังให้เธอซาบซึ้งงั้นหรอ ฝันไปเถอะ
เมื่อท่อนแขนเป็นอิสระดารินก็ทำท่าจะวิ่งหนี
กรวิทย์รู้ทันจึงเข้ามาขวางเอาไว้
“พี่เสียใจกับรินด้วยนะกับเรื่องที่เกิดขึ้น ถ้าหากว่า...มีอะไรที่พี่พอจะช่วยรินได้พี่ยินดี” เขาเสนอตัวเหมือนพ่อพระ แต่เธอรู้จักธาตุแท้ของเขา
ซาตานในคราบนักบุญดี ๆ นี่เอง
“รินไม่รบกวนคุณกรวิทย์หรอกค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” ทำใจดี สู้เสือ ข่มโทสะที่พุ่งพราดไว้ในใจ เธอมองหาทางหนีซึ่งมันดูจะหมดหวัง
ชายหนุ่มหรี่ตาลง เมื่อเห็นว่าไม้อ่อนคงจะใช้ไม่ได้ผลกับม้าพยศตัวนี้
“รู้ไหมว่าผู้หญิงตัวคนเดียวที่ไม่มีใครปกป้องมันอันตราย แค่ไหน” สายตาหื่นกระหายไล่มองตามหน้าอกอวบอิ่มกับรูปร่างที่น่าฟัดของดารินลงมาจนถึงปลายขา เนื้อตัวทุกส่วนของเขาก็รุ่มร้อนขึ้นมา
เธอไม่ต่อความด้วยกำลังจะวิ่งหนี แต่ท่อนแขนถูกดึงรั้งเอาไว้
เสียงกรีดร้องดังอยู่แค่ในลำคอเมื่อมือหนาของกรวิทย์รวบเอวเอาไว้พร้อมฝ่ามือใหญ่ที่ปิดปาก เธอหายใจแทบไม่ออกมือของเขาใหญ่เกินไปสำหรับใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอ จมูกจึงถูกปิดไปด้วย
เธอดิ้นรนทุกวิถีทางยังไม่สามารถทำให้คนที่หิ้วเธอสะท้านสะเทือน ร่างกายเขาสูงใหญ่จนแทบจะต้องเงยหน้ามอง
“ทำอะไรในพื้นที่คลับของผม” เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งแทรกเข้ามาในขณะที่ดารินหูอื้อตาลาย เธอมองคนมาใหม่ผ่านม่านน้ำตา เขาเหมือนอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยเธอเอาไว้
กรวิทย์เหลือบมองก่อนจะยอมปล่อยดาริน ริมฝีปากเม้มเข้าหากันจนกรามเป็นสันนูน ปรับอารมณ์เพียงนิดก่อนจะแย้มยิ้มเป็นปกติ
“สวัสดีครับคุณลีนวัตร”
“เกิดอะไรขึ้น” ชายหนุ่มใบหน้าเข้มเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ ดารินมองเลยไปทางด้านหลังของเขาเห็นการ์ดคุมคลับยืนอยู่อีกสองคน คงเป็นลูกน้องของเขา
ไม่ต้องรอให้ใครเชื้อเชิญเธอรีบย้ายตัวเองไปอยู่อีกฝั่งทันที
“ช่วยฉันด้วยค่ะ” น้ำเสียงแทบจะกระซิบบอกเมื่อเดินผ่านร่างสูงไปยืนซ้อนด้านหลังของเขา หวังใช้ชายหนุ่มเป็นที่กำบัง อย่างน้อยก็รู้สึกอุ่นใจกว่าอยู่กับไอ้เลวพวกนั้น
“เข้าใจผิดกันนิดหน่อยครับ ผมต้องขอตัวก่อน” กรวิทย์ตัดบท เขาไม่อยากมีปัญหากับเจ้าพ่อไนท์คลับอย่างลีนวัตร ใคร ๆ ก็รู้ดีว่าผู้ชายตรงหน้าคลุกคลีอยู่ในวงการสีเทามาตั้งแต่รุ่นพ่อ การสร้างปัญหาให้ลีนวัตรขัดใจเท่ากับฆ่าตัวตาย
รถเอสยูวีสีดำเคลื่อนออกสู่ถนนใหญ่พร้อมกับรถยนต์อีกคันที่หายไปกับการจราจรบนถนนหลวง ดารินก็ถอนหายใจ
“ขอบคุณนะคะที่ช่วย” หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่มที่คิดว่าน่าจะอายุมากกว่าเธอเป็นรอบ ถ้าไม่ได้เขาเธอคงแย่
“อย่าขอบคุณผมเลย คุณควรขอบคุณเขาต่างหาก” ลีนวัตรพยักเพยิดไปทางผู้ชายที่กำลังเดินใกล้เข้ามา
เธอมองตามสายตาของคนตัวสูงไป
ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้น ขนอ่อนหลังต้นคอแข่งกันชูชันคล้ายเห็นผี
ยิ่งกว่าเห็นผีซะอีก
ใบหน้าคมเข้มมืดครึ้มไร้รอยยิ้ม ดวงตานิ่งลึกสุดหยั่ง มันดำมืดลงอย่างน่ากลัว ถ้าผู้ชายที่เธอคิดว่าช่วงเวลาปกติเขาก็ดุอยู่แล้ว วันนี้เธอไม่รู้จะเทียบเขากับอะไร
“พี่พี”
...............................
มี E-book วางจำหน่าย ฝากอุดหนุนกันครับ>>http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTU5MzA2OSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjIxNTk1Mzt9