เริ่มแล้ววันนี้กฎหมายจราจรทางบกฉบับใหม่ มีผลตั้งแต่วันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2565 เป็นต้นไป ปรับหนักจับจริง
หลังจากที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) โดยพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) ได้ให้ข้อมูลกฎหมายจราจรทางบกฉบับใหม่ที่จะมีผลวันที่ 5 ก.ย.65 ที่ประชาชนต้องรู้เพื่อให้ปฏิบัติตามกฎจราจรได้อย่างถูกต้อง มีดังนี้
1.เพิ่มโทษผู้ขับขี่ที่กระทำผิดซ้ำข้อหาเมาแล้วขับ กระทำผิดครั้งแรกจะมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากทำผิดซ้ำภายใน 2 ปี นับแต่วันที่กระทำความผิดครั้งแรก เพิ่มอัตราโทษเป็นจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับ 50,000-100,000 บาท และศาลจะลงโทษจำคุกและปรับด้วยเสมอ (ม.160 ตรี/1 และ 160 ตรี/3)
2.เพิ่มอัตราโทษที่เป็นปัจจัยต่อการเกิดอุบัติเหตุ เป็นปัจจัยเสี่ยง ในการสูญเสียของผู้ขับขี่และผู้ใช้ทาง
2.1 เพิ่มอัตราโทษปรับ เช่น
- ขับรถเร็วเกินกำหนด ปรับไม่เกิน 4,000 บาท (โทษเดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท)
• ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง ปรับไม่เกิน 4,000 บาท (โทษเดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท)
• ไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย ปรับไม่เกิน 4,000 บาท (โทษเดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท)
• ขับรถย้อนศร ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (โทษเดิม ปรับไม่เกิน 500 บาท)
• ไม่สวมหมวกนิรภัย ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (โทษเดิม ปรับไม่เกิน 500 บาท)
• ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (โทษเดิม ปรับไม่เกิน 500 บาท)
2.2 เพิ่มโทษผู้ขับขี่ที่ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น
- อัตราโทษเดิมจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับตั้งแต่ 2,000 -10,000 บาท เพิ่มเป็น จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3.กำหนดความผิดเกี่ยวกับการแข่งรถในทาง เพิ่มเติม ดังนี้
3.1 ความผิดฐานพยายามแข่งรถ กำหนดเพิ่มเติมว่า ผู้ที่ร่วมกลุ่มหรือมั่วสุมในทางหรือสาธารณสถานใกล้ทาง พร้อมด้วยรถตั้งแต่ 5 คันขึ้นไป หากมีเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่ง (ม.134) ดังนี้
- มีการนัดหมายเพื่อแข่งรถกันมาก่อน หรือ
• รถที่รวมกลุ่มมีการดัดแปลง/ปรับแต่งรถที่มีสภาพไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือ
• มีพฤติการณ์อย่างหนึ่งอย่างใดอันแสดงให้เห็นว่าจะทำการแข่งรถในทาง
ถือว่า “พยายามแข่งรถในทาง” ต้องระวางโทษ 2 ใน 3 ของความผิดฐานแข่งรถในทาง (การแข่งรถในทาง ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 5,000 - 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)
3.2 เพิ่มโทษสำหรับผู้จัด และกำหนดโทษใหม่สำหรับผู้โฆษณา ประกาศ ชักชวน ให้มีการแข่งรถ
- อัตราโทษเดิม จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 - 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับเพิ่ม
เป็นโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 10,000 - 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ(ม.134/1)
3.3 กำหนดโทษใหม่สำหรับร้านรับแต่งรถ เมื่อรถนั้นถูกนำไปใช้แข่งรถในทาง ต้องรับโทษในฐานะผู้สนับสนุน คือ ต้องระวางโทษ 2 ใน 3 ของความผิดฐานแข่งรถในทาง (การแข่งรถในทางระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 5,000 - 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ) (ม.134/2)
4.กำหนดเรื่องการรัดเข็มขัดนิรภัย
4.1 รถที่ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยได้ ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง เช่น รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถตู้
4.2 สำหรับรถกระบะ ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยในที่นั่งตอนหน้า กรณีเป็นรถกระบะสองตอนผู้โดยสารตอนหลัง ต้องรัดเข็มขัดนิรภัย ด้วย
หากฝ่าฝืนไม่รัดเข็มขัด ตามข้อ 4.1 และ 4.2 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
สำหรับการนั่งบริเวณแคป หรือนั่งท้ายกระบะ สามารถนั่งได้โดยไม่ต้องรัดเข็มขัดนิรภัย แต่ต้องนั่งไม่เกินจำนวนที่กำหนดในลักษณะที่ปลอดภัย และผู้ขับขี่ต้องขับขี่ด้วยความเร็วตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติประกาศกำหนด ส่วนประกาศกำหนดอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะแล้วเสร็จภายใน 4 ธันวาคม 2565
สำหรับเรื่องที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับ กรมการขนส่งทางบก สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคีเครือข่ายด้านความปลอดภัยทางถนนประชุมเพื่อกำหนดมาตรฐาน/ลดอัตราภาษีของที่นั่งนิรภัย และวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่ไม่สามารถใช้ที่นั่งนิรภัยได้ เพื่อจัดทำประกาศเรื่องการใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กให้แล้วเสร็จภายใน 4 ธันวาคม 2565 เรื่องที่นั่งนิรภัยนี้ยังไม่เริ่มบังคับใช้ในวันที่ 5 กันยายน 2565 แต่จะบังคับใช้เมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดทำประกาศและลงประกาศให้ประชาชนทราบในราชกิจจานุเบกษา ต่อไป
ส่วนทางด้านนายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร และประธานกรรมการมูลนิธิประชาปลอดภัย ให้สัมภาษณ์ในรายการ Inside รัฐสภา ถึงกฎหมาย พ.ร.บ.จราจร ฉบับใหม่ ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมาว่า กฎหมายฉบับนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอปรับปรุงกฎหมายจราจรเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2522 มีการปรับแก้ในคณะกรรมาธิการวิสามัญของสภาผู้แทนราษฎรอยู่หลายประเด็น แต่เน้นไปที่ความปลอดภัยเป็นหลัก ส่วนการเพิ่มโทษ 4 เท่าจากเดิม โดยเฉพาะโทษปรับ เช่น ขับเร็วเกินกำหนด ฝ่าไฟแดง ไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย ให้ปรับไม่เกิน 4,000 บาท เป็นการกำหนดเพดานสูงสุด และไม่ได้กำหนดขั้นต่ำไว้ เพื่อให้การพิจารณาเปรียบเทียบปรับเป็นไปตามสถานการณ์และความเหมาะสม ซึ่งอาจจะน้อยกว่าเพดานที่กำหนดก็ได้
นายนิกร ยังระบุว่า บางกรณี เช่น เมาแล้วขับ ขับรถชนผู้อื่นจนเสียชีวิตและกระทำความผิดซ้ำ เป็นกรณีที่เพิ่มโทษปรับมากกว่า 4 เท่า หรือประมาณ 1 – 2 แสนบาท รวมถึงยึดใบขับขี่ เพราะถือเป็นกรณีที่มีความอันตรายต่อบุคคลอื่นสูง จึงต้องมีบทลงโทษที่แรงเพื่อป้องกันไม่ให้กระทำความผิดซ้ำ
ส่วนเรื่องความปลอดภัย ทั้งการกำหนดเรื่อง คาร์ซีท การรัดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง นายนิกร ยอมรับเป็นเรื่องกำหนดขึ้นมาใหม่ โดยเฉพาะ คาร์ซีท สำหรับเด็กที่มีผลกระทบกับประชาชนทั่วไป ยืนยันว่าจะยังไม่ได้มีการบังคับใช้ในวันที่ 5 กันยายน โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไปกำหนดข้อสรุปและหลักเกณฑ์ที่เหมาะสม ไม่เกิดผลกระทบต่อประชาชน













