จำเลยรักนักเขียน
ตอนที่ 1
ย้อนอดีตเซลล์ขายบ้านกับนางมารร้าย
พะแพงสาววัยยี่สิบเจ็ด เซลล์ขายบ้านหรูโครงการหมู่บ้านจัดสรรย่านสาธร เธอเพิ่งเข้ามาทำงานได้เดือนที่ห้า ในออฟฟิศนี้ใครๆก็อยู่ไม่ได้นานเนื่องจากเจ้าที่แรง!!! ป้าคงคาหัวหน้า HR สาวใหญ่วัยห้าสิบปลายๆใกล้ปลดเกษียณ ด้วยความปากหมาและนิสัยเสียของยายแก่กะโหลกกะลานี่ที่ชอบสกัดดาวรุ่งพนักงานใหม่เป็นประจำจนเป็นที่กล่าวขานรุ่นต่อรุ่นถึงความร้ายกาจของอีป้าคงคาที่อาศัยว่าเกาะบริษัทมานานตั้งแต่รุ่นบุกเบิกของเจ้าคุณปู่ของเจ้าสัวประธานบริษัท ทำให้ท่านประธานบริษัทค่อนข้างเกรงใจอยู่ไม่น้อย แม้ในใจลึกๆก็ทราบดีว่าเธอหมดประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ก็จ้างไว้ประหนึ่งว่าจ้างหายใจ...
“ศุกร์นี้มีประชุมใหญ่ขอให้พนักงานทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่ลา ลาได้อย่างเดียวคือลาตาย !!! ทุกคนแต่งกายสุภาพด้วย เพราะคุณธีระประธานบริษัทจะเข้าร่วมประชุมด้วย ” ป้าคงคงแจ้งพนักงานทุกคนด้วยน้ำเสียงดุดัน
9.00 นาฬิกา พนักงานทุกคนเข้าห้องประชุมพร้อมเพียงรวมถึงป้าคงคา HR มหาภัย บรรยากาศในห้องประชุมแอร์เย็นเฉียบและเงียบสงบเพราะวันนี้นายใหญ่จะเข้าประชุมด้วยทำให้พนักงานใหม่ๆตื่นเต้นตัวเกร็งเพราะชื่อเสียงกิตติศัพท์ที่เป็นคนเนี๊ยบของคุณธีระนั่นเอง
สักครู่เลขาคุณธีระประตูห้องเข้ามาพร้อมวางกระเป๋าของคุณธีระไว้ที่เก้าอี้ข้างตัวที่คุณธีระนั่ง
ชายรูปร่างสูงใหญ่ผิวขาวจมูกโด่งเชื้อสายจีนท่าทางสุขุมดูมีบารมี นั่งลงที่หัวโต๊ะ
พนักงานทุกคนกล่าวสวัสดีท่านประธาน สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ กันอย่างพร้อมเพียง
หัวหน้าแต่ละฝ่ายแจ้งความคืบหน้างานของตัวเอง
คิวมาถึงป้าคงคาเธอแจ้งว่ามีพนักงานเซลล์เข้ามาใหม่ พร้อมแนะนำ ให้พะแพงกล่าวสวัสดีท่านประธานอีกครั้ง
สวัสดีค่ะ เธอกล่าวสวัสดีแล้วหยุดเพราะไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อไป
ท่านประธานกะว่าจะทักทายถามตามอัธาศัย อ่าวเป็นไงบ้าง อยู่มาได้ 5 เดือน ทำอะไรไปบ้าง???
อ่อค่ะ ตอนนี้หนูทำยอดขายบ้านไปได้แล้ว 11 หลังค่ะ
ท่านประธานผงกหัวขึ้นอย่างสนใจฟังไม่คิดว่าพนักงานเข้าใหม่จะมีความสามารถและเก่งได้ถึงขนาดนี้
“ ผมขอชื่นชมครับ คุณเก่งมาก นี่ขนาดเป็นพนักงานใหม่ ทำได้ดีมากครับ บริษัทจะพิจารณาเพิ่มค่าคอมมิชชั่นให้คุณพะแพงอีก 3 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเป็นแรงจูงใจให้แก่คุณพะแพง ส่วนพนักงานคนอื่นๆก็ขอให้ดูคุณพะแพงเป็นตัวอย่างครับ แล้วบริษัทจะพิจารณาให้รางวัลขึ้นค่าคอมมิชชั่นให้เหมือนกัน ”
ทั้งห้องประชุมมีแต่เสียงปรบมือ มีเพียงคนเดียวที่ไม่เต็มใจปรบมือสักเท่าไหร่ และ ตาร้อนใจกระวนกระวายเนื่องจากอิจฉาที่พนักงานใหม่ได้เดีข้ามหน้าข้ามตานั่นก็คือ ป้าคงคา ป้ามหาภัยนั่นเอง ด้วยนิสัยของป้าไม่ชอบให้ใครมาได้ดีเกินหน้าเกินตายิ่งเจ้านายชมใครต่อหน้าป้าก็มักจะเป็นเดือดเป็นแค้น คอยหาทางแกล้ง หาทางจับผิด เพื่อสกัดดาวรุ่ง และกำจัดคนๆนั้นออกไป ที่ผ่านมาเธอทำสำเร็จเกือบทุกราย เวลามีพนักงานใหม่ลาออกเพราะฝีมือเธอ เธอจะรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่อง ภาคภูมิใจในความสามารถของเธอที่ทำให้พนักงานลาออกได้สำเร็จ
หลังจากวันนั้นในห้องประชุมใจเธอก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวและกับงานเธอคิดวางแผนแกล้งพะแพงสารพัด แต่ยังไม่ได้โอกาสเหมาะๆสักทีพะแพงเธอยังไม่พลาด...
แปดเดือนต่อมาช่วงนี้ออฟฟิศไม่ค่อยยุ่งเลยเนื่องจากสถาณณ์การโควิดที่เริ่มระบาดมาสี่ห้าเดือนนี้ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ต้องหยุดชะงักลง ไหนจะเหล็กที่มีราคาแพง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในหลายๆแห่งเริ่มไปไม่ไหว ยอดขายเริ่มตกลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้คนเริ่มทยอยตกงาน หลายๆโครงการที่สายป่านไม่ยาวนักทยอยถูกแบงค์ฟ้องร้องล้มละลายเนื่องจากบริษัทขาดส่งงวดแบงค์ทำให้ไม่สามารถชำระหนี้และดอกเบี้ยที่ได้กู้ยืมเงินจำนวนมหาศาลมาจากแบงค์เพื่อมาทำธุรกิจได้
แม้แต่ท่านประธานบริษัทเองก็เถอะ รุ่นของเจ้าคุณปู่สร้างให้ไว้ลูกหลานเยอะมากแต่มายุคนี้ลูกหลานคือท่านประธานบริษัทใช้เงินค่อนข้างเกินตัวแถมยังบริหารไม่เก่งเท่าบรรพบุรุษ พอมาเจอโควิดก็ยากจะต้านทานอยู่ทำให้พักนี้ท่านประธานบริษัทมักจะอารมณ์เสียอยู่เป็นประจำ
เช้านี้ท่านประธานบริษัทเข้ามาออฟฟิศเพื่อมาดูรายงานผลประกอบการของบริษัท
“คุณพะแพงครับรายงานที่ผมสั่งให้คุณทำตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนอยู่ไหนครับ ผมบอกแล้วว่าวันนี้ผมจะเข้ามาตรวจ ”
“รายงานอะไรหรอคะ สั่งตอนไหนคะ แพงไม่ทราบ”
“ก็รายงานผลประกอบบการที่ผมบอกให้คุณคงคามอบหมายให้คุณพะแพงทำไงครับ”
พะแพงยังไม่ทันได้เอ่ยปากชี้แจงใดๆทั้งสิ้น ป้าคงคาพูดแทรกทันทีว่า “ ป้าแจ้งคุณพะแพงไปแล้วค่ะ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ทำ เด็กสมัยนี้ขี้เกรียจสันหลังยาว ไม่มีความรับผิดชอบ”
ป้าคงคาออกตัวแรงเช่นนี้ทำให้พะแพงยืนตัวตรงนิ่งเงียบเถียงไม่ออกสักคำ เธอกำลังตกใจที่ทำไมป้าคงคาช่างกล้าโกหกได้หน้าตาย ไม่คิดว่าความเป็นผู้ใหญ่จะทำเด็กรุ่นลูกได้ลงคอ ทำให้เธอพูดไม่ออกความรู้สึกตอนนี้มันตันไม่หมดทั้งหัว
ท่านประธานธีระได้ยินป้าคงคาพูดดังนั้นด้วยความหูเบาประกอบกับเครียดเรื่องบ้านขายไม่ออกเป็นทุนเดิมอยู่แล้วและไหนจะพักนี้ยอดขายบ้านตกลงอย่างมากแม้แต่พะแพงผู้เคยเป็นเซลล์ที่ทำยอดขายได้สูงสุดก็ไม่สามารถต้านทานสถาการณ์นี้อันเป็นผลพวกจากโควิดได้
“เธอทำไมทำงานสะเพร่าอย่างนี้ ไม่ใส่ใจการทำงานอย่างนี้ทำให้บริษัทเสียหายรู้ไหม” ท่านประธานต่อว่าพะแพงด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดผิดจากเมื่อก่อนราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ
พะแพงกลับมาห้องพักคืนนี้เธอได้แต่นอนร้องไห้เสียใจที่โดนท่านประธานดุและโดนป้าคงคากลั่นแกล้ง เธอร้องไห้จนตาบวมถึงรุ่งเช้า หมดทั้งแรงหมดทั้งกำลังใจที่จะไปทำงานต่อเธอตัดสินใจแล้วว่าเธอจะลาออกจากงาน!!!
ว่าแล้วเธอก็หยิบโทรศัพท์โทรไปแจ้งฝ่ายบุคคลนั่นก็คือ ป้ามหาภัยคงคา
“ สวัสดีค่ะพะแพงนะคะ หนูโทรมาแจ้งลาออกค่ะ เดี๋ยวหนูจะส่งอีเมลล์ตามไปที่หลังนะคะ”
ป้าคงคารู้สึกสะใจเป็นยิ่งนัก ที่ชนะเด็กพนักงานใหม่อย่างพะแพงได้ในที่สุดเธอก็กำจัดพะแพงได้
เธอตอบพะแพงเพียงสั้นอย่างเยือกเย็นว่า “ ค่ะ รีบส่งมาภายในวันนี้นะ!!! ”
ตอนที่ 2
เริ่มต้นอาชีพใหม่เท่าที่ใจจินตนาการ
เช้าวันอังคารวันนี้เธอตื่นสายกว่าปกติเนื่องจากหมดแรงเหนื่อยล้าและร้องไห้มาพักใหญ่ เป็นเช้าวันอังคารซึ่งเธอเองก็ยังไม่ชินเธอนอนกลิ้งไปกลิ้งมาท้องเริ่มหิวล่ะสั่งข้าวกระเพราไข่ดาวจากแก๊ปให้มาส่งดีกว่า
‘เฮ้อ ชีวิตคิดอะไรไม่ออก ก็กินเมนูสิ้นคิดมันเลยละกัน’ เธอรำพันด้วยความเซ็ง
กินข้าวเสร็จก็เปิดโน็ตบุ๊คนั่งหางาน ด้วยเงินที่มีก็ร่อยหรอ และการลาออกจากงานอย่างกระทันหันครั้งนี้เธอก็ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้แถมค่าชดเชยเลิกจ้างก็ไม่ได้เพราะว่าเธอลาออกมาเอง เวลานี้เหลือเพียงเงินเก็บเล็กๆน้อยๆที่พอจ่ายค่าห้องแค่สองเดือนเท่านั้น ทำให้เธอต้องหางานแข่งกับเวลา
ใบสมัครงานถูกส่งไปห้าร้อยกว่าบริษัท ยังไม่มีวี่แววว่าบริษัทไหนจะเรียกเธอไปสัมภาษณ์สักที เธอเริ่มรู้สึกทั้งเครียดทั้งกดดัน
เฮ้อไม่ไหวแล้ว อยู่แต่ในห้องอุกอู้ซะเหลือเกิน ว่าแล้วเธอก็อาบน้ำเปลี่ยนชุดออกกำลังกายและคว้ารองเท้าผ้าใบออกไปเดินรอบสวนลุมซึ่งอยู่ห่างที่พักเธอเพียงสิบห้านาที
วิ่งได้สามรอบ การออกกำลังกายทำให้เธอมีอารมณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อเช้าเยอะ เธอกลับห้องอย่างสดชื่นแม้จะเหนื่อยเล็กน้อยแต่หยาดเหงื่อยจากการออกกำลังกายทำให้สารซีโรโทนิน และสารเอ็นดอร์ฟิน หลั่งออกมาทำให้เธอรู้สึกมีความสุขและผ่อนคลาย
เวลานี้เธอมานั่งที่หน้าคอมเปิดเพลงฟังสบายๆ มันช่างผ่อนคลายซะเหลือเกิน
ในขณะที่เธอกำลังค้นหาเว็ปไซต์โน่นนี่ไปมา เผื่อจะะเจอโอกาสหางานและช่องทางสร้างรายได้ พลันใดนั้นสายตาเธอก็มองไปเห็นแฟลตฟอร์มขายหนังสือออนไลน์ เธอเริ่มค้นหาข้อมูลรวมถึงเริ่มค้นหาข้อมูลกลุ่มต่างๆของนักเขียนนิยายอิสระจนเวลาล่วงเลยดึกกว่าทุกคืน มันเป็นเหมือนราวกับว่าเธอเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ สิ่งนี้น่าจะสามารถทำให้เธอมีรายได้ขึ้นมาบ้างอย่างน้อยๆน่าจะช่วยให้ผ่านวิกฤติช่วงนี้ไปได้ก่อนสักพักจนกว่าเธอจะหางานใหม่ได้ ตอนนี้ก็ดึกมากโขแล้วเปลือกตาใกล้จะปิดเต็มทีว่าแล้วค่ำคืนนี้เธอก็ล้มตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มๆสีขาวที่ตกแต่งสไตล์มินิมอลอย่างคลายกังวลมากกว่าทุกคืนที่ผ่านมา
เช้าวันใหม่วันนี้ชิวิตพะแพงไม่เป็นเหมือนหลายวันที่ผ่านมา เธอมีเป้าหมายของวันนี้แล้ว!!
ว่าแล้วพะแพงก็เริ่มจับปากการ่างพล๊อตนิยายเท่าที่จิตนาการในหัวของเธอจะมี หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปเธอเขียนนิยายเรื่องนี้เสร็จเรียบร้อยด้วยความเร่งรีบเพราะต้องการรีบขายเพื่อจะได้เงินโดยเร็วมาเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของเธอ
เธอเริ่มพิมพ์นิยายที่เธอเขียนร่างไว้ลงบนกระดาษ A4 ลงบนโน๊ตบุ๊คของเธอด้วยตวามตั้งใจ เนื้อเรื่องเสร็จแล้ว เย้!! เธออุทานด้วยความโล่งใจที่สามารถเขียนนิยายให้แล้วเสร็จได้โดยใช้เวลาเพียง 1 อาทิตย์
เอ๊ะ ปกนิยายล่ะฉันทำ Photoshop แล้วพวกงาน Artwork ไม่เป็น ซวยแล้วเราจะไปจ้างเขาทำสวยๆก็แสนแพงแถมยังไม่รู้ว่างานเขียนของเราจะขายได้ไหม...
ว่าแล้วเธอก็เริ่มค้นหาวิธีทำปกนิยายอีกครั้งในอินเตอร์เนตจนกระทั่งไปเจอเว็บไซต์ทำปกสำเร็จรูปแถมฟรีอีกด้วย ส่วนวิธีทำก็ง่ายแสนง่ายเพียงแค่คลิ๊กเลือกรูปแบบ สีตัวอักษร
เย้สวรรค์มาโปรดในที่สุดเราก็ทำสำเร็จแล้วนิยายเรื่องแรกเราเป็นคนเขียนแถมทำปกเองเรานี่มันช่างเก่งจริงๆ....
ในที่สุดนิยายเรื่องแรกก็ลงขายในแฟลตฟอร์มออน์ไลน์เรียบร้อยแล้ว เรื่องแรกของพะแพงเป็นเรื่องขายหญิง มัธยมรักแรกรุ่น แต่ลีลาและการใช้ภาษาของเธอไม่ธรรมดาเลย
ตื่นเช้ามาเธอเปิดดูยอดขาย โอ้แม่เจ้าหนังสือของเธอขายได้ 3 เล่ม เธอดีใจมากร้องกรี๊ดลั่นห้องเลย จากวันนั้นหนังสือของเธอมียอดโหลดเรื่อยๆวันละ 2-3 เล่ม จนมากระทั่งวันนี้ผู้ที่ซื้อไปคงอ่านจบเป็นที่เรียบร้อยแล้วมีคนมาคอมเมนต์ว่า
“ นิยายสั้นมาก แถมปกทุเรศไม่สวยเลย” และ อีกคืนถัดมามีคนมาคอมเมนต์เพิ่มอีกคนว่า “ นิยายสนุกน่าติดตามแต่สั้นเกินไป เสียดายตังค์”
พะแพงอ่านคอมเมนต์แล้วจิตตกไปสองวัน สองวันนี้เธอแทบไม่จับปากกาจับคอมเลย แต่เธอนั่งรถแทกซี่ตะเวนไปทั่วกรุงเทพเพื่อทบุญไหว้พระ 9 วัด เธอกลับถึงห้องก็ค่ำแล้ว เอาล่ะไหนๆก็ทำบุญมาแล้วสบายใจขึ้นมาหน่อยแล้ว เธอเริ่มคิดพล็อตนิยายอีกครั้ง คราวนี้เธอมีเวลาไตรตรองและใจเย็มากขึ้นเธอตั้งใจไว้ว่าเรื่องนี้เธอจะตั้งใจเขียนให้ออกมาดีที่สุดว่าแล้วเธอก็เริ่มทำการบ้านอ่านงานเขียนของนักเขียนที่ติด Best Seller บ้าง สรรหาขัดเกลาคำพูดให้ออกมาไหลลื่น สนุก และน่าติดตาม หนึ่งเดือนครึ่งผ่านไปเธอใช้เวลากับงานเขียนเรื่องนี้มากคลุกอยู่ในห้องนอนทั้งวัน
และแล้วนิยายเล่มนี้ที่เธอตั้งใจบรรจงเขียนก็เสร็จสิ้นออกมาอย่างสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ โดยรอบนี้เธอไม่ได้ใช้โปรแกรมออกแบบปกฟรีแล้วแต่เธอไปจ้างนักวาดปกออกแบบปกให้เธอ ตอนนี้ทั้งเนื้อหาทั้งปกสมบูรณ์พร้อมลงขายแล้วคืนนี้เธอทำการอัพนิยายลงบนแพลตฟอร์มด้วยความใจชิ้นว่าต้องมีคนอ่านและซื้อนิยายเธอเยอะแน่ๆ
บทที่ 3
หมายศาลลางร้าย
เช้านี้พะแพงตื่นเช้ากว่าปกติเป็นพิเศษ สิ่งแรกที่เธอเริ่มรู้สึกตัวเธอเอามือควานโทรศัพท์มือถือรีบเช็คยอดขาย เธอถึงกับร้องอุทานขึ้นว่า “ ว้าวยอดโหลด 120 โหลด!!! ” นั่นแปลว่าเพียงแค่ช่วงเวลาข้ามคืนเดียวที่เธอลงนิยายเธอขายได้ 120 เล่ม!!! เธอดีใจมาก “ฉันรอดตายแล้วซินะ ฉันจะเอาดีทางนี้ มันต้องใช่ทางของฉันแน่ๆ” เธอกระโดดโลดเต้นไปทั่วห้อง วันนี้เธอวางแผนออกจากห้องพักเพื่อใช้เงินเก็บที่พอมีเหลืออยู่ไปใช้จ่ายช็อปปิ้ง เพราะรู้ว่าเธอกำลังจะมีรายได้จากยอดเขียนเข้ามาอย่างแน่นอนในช่วงปลายเดือน
ว่าแล้วเธอก็อาบน้ำถูสบู่อย่างพิถีพิถันพร้อมแหกปากฮัมเพลงอย่างมีความสุขตามประสาคนกำลังจะรวยในไม่ช้า วันนี้พะแพงแต่งตัวสวยปิ๊งเป็นพิเศษวันนี้เธอมีแพลนจะไปซ็อปปิ้งศูนย์การค้าชื่อดังย่านสยามว่าแล้วเธอก็เรียก Grab Taxi ให้มารับที่คอนโดพร้อมคนขับ รถเริ่มแล่นมาบนถนนมุ่งหน้าสู่ห้างสรรพสินค้าหรู วันนี้อากาศแจ่มใสถนนโล่งเนื่องจากเป็นวันธรรมดา
...ถึงแล้วคร๊าบคุณผู้หญิง
พะแพงค่อยๆก้าวขาลงจากรถอย่างช้าๆเพราะเนื่องจากว่าวันนี้เธอใส่รองเท้าส้นสูงคู่ใจที่เธอเคยซื้อไว้ในราคาหลายพันบาทเมื่อครั้นเธอได้ค่าคอมมิชชั่นเยอะๆจากการเป็นเซลล์ขายบ้าน วันนี้พะแพงมีความสุขกับการช็อปปิ้งมาก
“เมื่อยเหลือเกิน วันนี้ ไปหาที่นั่งจิบกาแฟอร่อยๆดีกว่า” ว่าแล้วเธอก็เดินเข้าไปสั่งกาแฟในร้านที่ตกแต่งหรูหรา กาแฟแก้วหนึ่งราคาประมาณสองร้อยกว่าบาท พะแพงนั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจ พลางหยิบมือถือมาเช็คยอดขาย
“ โอ้โหวันนี้ 50 กว่าโหลด เก่งไม่เบานะเรานี่” วันนี้ทั้งวันเธอนั่งดื่มกาแฟใจเย็นที่ร้านทั้งวันเพลิดเพลินสุนทรีย์เสียงเพลงที่เปิดในร้านกาแฟและการดูยอดขายของเธอ
เวลานี้จวนใกล้ร้านกาแฟจะปิดแล้วเธอก็แรกรถ Taxi ให้ไปส่งที่คอนโด กลับถึงห้องเสร็จเธอก็อาบน้ำ นอนดูซีรีย์จนพอใจช่วงดึกๆพอมีสมาธิดีๆเธอก็จะมานั่งเขียนนิยายเรื่องใหม่ของเธอไปเรื่อยๆ
พะแพงใช้ชิวิตอย่างนี้มาเดือนกว่าแล้ว เธอรู้สึกว่าเธอมีความสุขกับชีวิตมากที่ได้ใช้ชีวิตอิสระและหาเงินได้เรื่อยๆ
วันนี้พะแพงออกจากบ้านช่วงสายๆเช่นเคย วันนี้เธอออกมาเลือกของแต่งบ้านที่ห้างดังย่านบางนา ที่นี่ของเยอะแยะไปหมดสวยๆน่าใช้ทั้งนั้นเลย
โคมไฟสีเหลืองอุ่นๆขาตั้งสีทองถูกวางอยู่ในโซนโคมไฟของแต่งบ้าน ชิ้นนี้มันช่างดูดีมองดูแล้วภูมิฐานเสมือนของราคาหลายหมื่นบาทช่างเหมาะกับเรายิ่งนักที่จะใช้อาศัยในการเขียนิยายยามค่ำคืน ไฟเหลือๆเปิดเพลงบรรเลงไฟเราะๆมันช่างผ่อนคลายในการเขียนนิยายไอเดียและจินตนาการคงไหลลื่นน่าดู
ว่าแล้วเธอก็เอื้อมมือไปหยิบโคมไฟนั้นมาไว้ในรถเข็นแล้วเดินเล่นต่อไปมาถึงห้องตกแต่งผนัง พะแพงสดุดตาไปที่วอลเปเปอร์สีชมพูอ่อนลายดอกกุหลาบตัดขอบทองโทนละมุนให้ความรู้สึกแบบคุณหนูผู้ดี เธอรีบเดินไปเลือกมาไว้ในรถเข็นโดยไม่ชักช้า วันนี้เธอได้ของที่ถูกใจเธอมาก เธอแพลนความตั้งใจไว้ว่าค่ำนี้ถึงบ้านเธอจะงดเขียนนิยายสักวันเพื่อที่จะตกแต่งห้องด้วยตัวของเธอเองให้เป็นห้องที่นั่งทำงานแล้วมีความสุขที่สุด พะแพงใช้เวลาเดินเล่นเลือกซื้อสินค้าจนค่ำวันนี้เธอได้สินค้าที่ถูกใจว่าเต็มรถเข็น ช็อปปิ้งจนพอใจล่ะเรา กลับคอนโดดีกว่า เธอโทรเรียก Taxi ให้ไปส่งเธอพร้อมสัมภาระเต็มระเลย
ถึงแล้วคร๊าบ... สารถีบอกกับพะแพงเพื่อให้เตรียมตัวลง
พะแพงชำระค่าเดินทางให้กับคุณสารถี Taxi เมืองกรุง แล้วก็หอบหิ้วของพะรุงพะรังไปไว้หน้าลิฟท์เพื่อเตรียมตัวที่จะกดลิฟท์ขึ้นไปยังห้องที่เธอพัก
“ เดี๋ยวก่อนครับ คุณพะแพง หยุดก่อน รปภ. วิ่งหน้าตั้งรีบตรงดิ่งมาหาพะแพงในมือถือกระดาษเอกสารมีตราครุฑ รีบยื่นให้พะแพง พะแพงรับเอกสารนั่นอย่างงงๆ อ่านเอกสารใบหน้าจับใจความได้ว่า “ หมายศาลคดีอาญา ข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ นางรรินดา ฤทธิ์โสภาพิสมัยกุลนารีศรีสมร เป็นโจทก์ ฟ้อง นางสาวพะแพง พลอยเพทาย เป็นจำเลย ในข้อหาลเมิดลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรม!!!”
พะแพงเธอกวาดสายตาบรรจงอ่านอย่างช้าๆอีกรอบแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลย เรื่องนี้มันเกิดขึ้นกับเธอได้อย่างไร แทบจะเป็นไปได้เลยเธอพยายามนึกทบทวนตัวเอง เวลานี้เธอแทบจะยืนทรงตัวไม่ไหวแขนขาอ่อนแรงแต่ก็ตั้งสติฮึดฝืนถือสัมภาระเข้าลิฟท์ให้ถึงห้องก่อน เมื่อถึงห้องเธอวางสัมภาระลงอย่างช้าๆที่พื้นห้องจากนั้นบรรจงอ่านลงช้าๆ พยามยามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าสิ่งนี้มันเกิดขึ้นกับเราได้อย่างไร เวลานี้เธอไม่รอช้ารีบค้นหาบุคคลที่จะสามารถช่วยเหลือให้คำปรึกษาเธอได้ เวลานี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากทนายความ!!!
ว่าแล้วเธอก็ไปเจอกลุ่มในเพจหนึ่งในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับให้คำปรึกษาทางกฎหมายและทนายความซึ่งแต่ละวันมีผู้มาโพสต์ขอความช่วยเหลือจำนวนมากเพราะเพจนี้เป็นแหล่งรวมตัวของทนายความที่ให้คำปรึกษาในราคาที่ไม่สูงนัก
พะแพงตัดสินใจเขียนเรื่องของเธอและโพสต์บนเพจนี้เพื่อที่จะหาทนายความช่วยเหลือเธอ
หลังจากที่เธอโพสต์ข้อความออกไปก็มีทนายความมติดต่อเข้ามาหาเธอในข้อความส่วนตัวเป็นจำนวนมาก ส่วนมากเรียกให้เธอชำระค่าทนายความเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท เพื่อทำให้เธอหลุดพ้นจากคดีอาญา พะแพงเองชั่งใจหนักเนื่องจากแม้ว่าเธอจะมียอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่เงินจำนวน หลักแสนบาทก็ยังถือว่าเยอะสำหรับเธอ จนกระทั่งเธอไปสะดุดตาข้อความหนึ่งชื่อ คิม ลอว์เยอร์ เสนอค่าจ้างทนายให้ชำระงวดแรกเพียง 20,000 หากชนะดคีค่อยจ่ายส่วนที่เหลืออีก 80,000 บาท พะแพงถูกใจเงื่อนไขเช่นนี้เพราะเนื่องจากเธอเองก็มีงบประมาณจำกัด
สวัสดีค่ะคุณทนาย ดิฉันสนใจเงื่อนไขของคุณ คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ
สวัสดีครับ ผมยินดีครับ ผมได้อ่านข้อเท็จจริงเบื้องต้นที่คุณโพสต์ลงเพจเรื่องที่คุณถูกฟ้องแล้ว ไม่ต้องห่วงนะครับเดี๋ยวผมจะดูแลคดีของคุณเอง เพื่อความสบายใจว่าผมเป็นทนายจริงๆ เรามาเจอกันก่อนนะครับ ผมจะได้ฟังรายละเอียดข้อเท็จจริงโดยละเอียดจากนั้นคุณก็เซ็นใบแต่งทนายแล้วชำระเงินให้แก่ผม
ดีเลยค่ะ คุณทนายดิฉันว่าแบบนี้ก็สบายใจกันดีนะคะ ว่าแต่คุณทนายสะดวกที่ไหนดีคะ
ถ้าเป็นแถวสาธรสะดวกไหมครับ ที่ร้านกาแฟตรงแยกสาธร จริงๆผมกำลังจะเปิดออฟฟิศแถวสาธรนี้แต่ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงตกแต่ง
อ้อได้ค่ะ ไม่มีปัญหาเลยเดี๋ยวเราไปเจอกันแยกสาธรนะคะ พรุ่งนี้บ่ายสอง
ได้ครับแล้วเจอกันครับ
...ณ ร้านกาแฟหัวมุมติดถนนแยกสาธร พะแพงมาก่อนเวลานัดก่อนครึ่งชั่วโมงเพราะเธอกระวนกระวายใจอย่างมาก มาถึงที่ร้านเธอสั่งกาแฟอเมริกาโนร้อนนั่งรอทนายความของเธอที่หัวด้านในหัวมุมที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านพลุกพล่านเพื่อว่าเวลาคุยกับทนายจะได้เป็นความลับ
เวลา 14.00 นาฬิกา แปะ บุรุษร่างสูงขาวใสหน้าตาสะอาดสะอ้านใส่แว่นวัย 30 ปีปลายๆ เดินเข้ามาในร้านตรงเวลาสมกับเป็นผู้มีความรับผิดชอบสูงกวาดสายตามองหาพะแพงด้วยสัญชาตญาณของผู้มีไหวพริบดีเขาเดาได้อย่างไม่ต้องลังเลใจว่านั่นคือ พะแพง ทนายคิมรีบเดินเข้าไปหาพะแพงที่โต๊ะทันที
สวัสดีครับผมทนายคิมคุณพะแพงใช่ไหมครับ
พะแพงเงยหน้าขึ้นมาทันทีจากที่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์อยู่ เธอตกใจเล็กน้อยเนื่องจากตัวจริงดูดีกว่ารูปในเฟสบุคหลายเท่า
สวัสดีค่ะคุณทนายเชิญนั่งลงก่อนค่ะ สั่งอะไรไหมคะ
อ้อครับผมขอกาแฟร้อนสักแก้ว
เดี๋ยวผมจัดการเองครับ ว่าแล้วทนายคิมก็เรียกเด็กเสริฟมาจัดการรับออเดอร์
ไหนครับผมขอดูเอกสารทั้งหมดได้ไหมครับ
พะแพงหยิบเอกสารทั้งหมดที่เธอได้รับมาจากศาลส่งให้ทนายดูพร้อมเล่าข้อเท็จจริงทั้งหใดให้ทนายฟัง
โจทก์เขามาฟ้องว่าพะแพงก็อปปี้งานเขียนของเขา ช่วงนั้นพะแพงกำลังเริ่มเขียนนิยายมีไอเดียดีๆจากนักเขียนที่ดังและมียอดขายดีพะแพงก็เอามาเป็นไอเดียบ้างแต่ว่าเรื่องนิยายของพะแพงไม่มีทางเหมือนของเขาแน่นอนเพราะพะแพงเขียนเองทั้งหมดจะเหมือนเขาก็แต่ตรง ที่ว่า ‘นางเอกส่องกระจก แล้วทะลุมิติไปโลกอีกใบ’ ส่วนพล็อตที่เหลือพะแพงคิดของพะแพงเอง พะแพงจะทำอย่างไรดีคะ พะแพงกลัวติดคุก แถมเขายังเรียกค่าเสียหายมามากมายขนาดนี้ พะแพงไม่มีปัญญาใช้เขาหรอกค่ะ คุณทนายช่วยพะแพงที
พะแพงมองหน้าทนายคิมอย่างอ้อนวอนรอคอยยความหวังบ่อน้ำตาเริ่มซึมออกมาจากนัยต์ตาบ่งบอกถึงคนกำลังมีความทุกข์
ทนายคิมเห็นสีหน้าพะแพงไม่ค่อยดีแล้วตอนนี้ ได้แต่เก็บอาการที่จะแสดงออกถึงความสงสารจนเกินไปแล้วก้มหน้า ในใจเขาหัวในเต้นระรัวเป็นทนายมานานแต่ไม่เคยอ่อนไหวเท่านี้มาก่อนเลย








