แค่อยากทำธุรกิจทำไมเป็นความผิดฐานฉ้อโกงและฟอกเงินไปได้
ช่วงนี้มีประเด็นที่สังคมให้ความสนใจกับข่าวที่พาซ็อกทั้งสังคม คือ ประเด็นที่มีมีดาราดังถูกจับดำเนินคดีฉ้อโกง แต่ในกรณีของผู้ที่สงสัยและต้องการหาคำตอบว่า ทำไมการแค่ ชักชวนคนมาลงทุนแล้วแบบกรณีนี้ถึงเป็นคดีความจนกระทั่งมีโทษถึงจำคุกไปได้ เรามารู้จักกับความผิดที่ว่า ‘ ฉ้อโกงประชาชนการและกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน’ ก่อน อันความผิดฐานนี้ ความผิดฐานนี้ถือเป็นความผิดอาญา ซึ่งมีโทษจำคุก กฎหมายนั้นคำนึงถึงเจตนาเป็นหลัก ในกรณีนี้ เป็นกรณีที่มีการชักชวนคนให้มาลงทุน โดยมีการ ร่วมกัน หรือ แบ่งหน้าที่กันทำ โดยมีการชักชวนคนให้มาร่วมลงทุนผ่านทางเพจที่เป็นสาธารณะทางเฟสบุค โดยอ้างว่าจะนำไปลงทุนธุรกิจให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (FOREX) โดยมี การตกลงระบุรายละเอียด ส่วนแบ่งต่างๆอย่างเป็นขั้นตอน แต่หากไม่มีการนำเงินไปลงทุนแบบที่โฆษณากันจริงๆ ถือ ว่าเป็นการ ปกปิดความจริงและ นำเข้าข้อมูลโฆษณาคอมพิวเตอร์แสดงความเป็นเท็จต่อประชาชน
ในประเทศไทยเองปัจจุบันมีผู้ลงทุนและเทรด Forex อยู่เป็นจำนวนมาก ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มลงทุนดังกล่าวก็จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทขึ้นมาเองแบบยังไม่ได้มีการขออนุญาตประกอบกิจการ โดย การให้บริการการลงทุนประเทศนี้ ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับ และธนาคารแห่งประเทศไทยก็ยังไม่เคยได้มีการอนุญาตรับรองการลงทุนดังกล่าว แก่บุคคลหรือ นิติบุคคลใดเพื่อให้บริการลงทุนโดยเก็งกำไรจากการซื้อขายหรือเทรดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) ในประเทศไทย ฉะนั้นแล้วหากเกิดมีการชักชวนผู้ร่วมลงทุนมาลงทุนและ มีการทุจริตฉ้อโกง หรือ เบี้ยวหนี้ไม่จ่ายผลตอบแทนโดยเจตนาทุจริตขึ้นมา ทางที่จะฟ้องร้องบุคคลพวกนี้ได้ก็คือ ดำเนินคดีในฐาน ฉ้อโกลประชาชน ส่วนการที่มีการหลอกประชาชนร่วมลงทุนแบบระดมทุนเยอะๆ และประกาศว่าได้ผลตอบแทนที่สูงมาก ซึ่งส่วนมากมักจะมีการหลอกว่าให้ผลตอบแทนที่สูงเกินจริง การหลอกลงทุนลักษณะนี้เป็นการหลอกให้มาลงทุนโดยนำเงินจากผู้หลงเชื่อลงทุนรายใหม่มาหมุนเวียนจ่ายผู้ลงทุนรายเก่าไปเรื่อยจนในที่สุดผู้ลงทุนเริ่มไม่ได้รับปันผลตอบแทนตามที่กล่าวอ้างทำให้ผู้ลงทุนจำนวนมากเสียหายเป็นวงกว้างทั้งจำนวนเงินลงทุนที่ไม่ได้รับคืน และ จำนวนผู้เสียหาย การกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
ส่วนการฟอกเงินนั้น
การนำทรัพย์สินที่ผิดกฎหมายมาทำให้ถูกกฎหมาย หรือ เสมือนว่าได้มาถูกกฎมาย เราจะพบเห็นข่าวการกระทำความผิดของบุคคลเหล่านี้เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของบุคคล หรือ นิติบุคคล เช่น บริษัท การค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ การพนัน และนำเงินจากการกระทำผิดเหล่านี้ไปทำให้เป็นเงินที่ถูกกฎหมาย เช่น การซื้อทองคำคราวละมากๆ แล้วค่อยๆทะยอยขาย นำเงินไปฝากในต่างที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ การซื้อกรมธรรม์แบบชำระครั้งเดียว
ส่วนมูลฐานความผิดฟอกเงินนั้น กำหนดไว้ทั้งหมด 28 มูลฐาน คือ 1.ค้ายาเสพติด
2.ค้ามนุษย์ ค้าหญิงและเด็ก3.ฉ้อโกงประชาชน4.ยักยอกฉ้อโกงโดยผู้จัดการ5.ความผิดต่อหน้าที่ราชการ6.กรรโชก รีดเอาทรัพย์7.หลบหนีศุลกากร8.การก่อการร้าย9.การพนัน10.การเลือกตั้ง11.ปลอมแปลงเงินตราฯ ลักษณะเป็นการค้า12.รับของโจรลักษณะเป็นการค้า13.องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ14.อั้งยี่/องค์กรอาชญากรรม15.ประทุษร้ายร่างกายสาหัส เพื่อประโยชน์ซึ่งทรัพย์สิน16.ทรัพยากรธรรมชาติลักษณะเป็นการค้า17.ปลอมเอกสารสิทธิ์ บัตรอิเล็กทรอนิกส์ พาสปอร์ตเป็นปกติ ธุระเพื่อการค้า18.ความผิดเกี่ยวกับการค้าและทรัพย์สินทางปัญญา19.หน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อเรียกรับผลประโยชน์20.ลักทรัพย์ ยักยอก ฉ้อโกง ชิงปล้นฯ มีลักษณะเป็นการค้า21.โจรสลัด22.ซื้อขายหลักทรัพย์23.ความผิดเกี่ยวกับอาวุธ24.สนับสนุนทางการเงินแก่ก่อการร้าย25.สนับสนุนการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพการทำลายล้างสูง26.ความผิดเกี่ยวกับหลบเลี่ยงภาษี 27.จูงใจให้สมัครถอนการสมัคร สส./สว.28.บังคับใช้แรงงานหรือบริการ เป็นเหตุให้เป็นอันตรายสาหัสหรือถึงแก่ความตาย
ส่วนการลงโทษนั้นทางอาญามีโทษจำคุก ส่วนทางแพ่ง ปปง ยังมีการยึดทรัพย์อีกด้วย
ทั้งนี้ผู้ประกอบธุรกิจสถาบันการเงินเอง หากประกอบธุรกิจประเภทนี้ ปปงยังมีการกำหนดให้ต้องดำเนินการ จัดบุคลากรทำหน้าที่ ผู้มีหน้ำรายงานทำแผนนโยบายอย่างเคร่งครัด เช่น ทำคู่มือปฏิบัติเกี่ยวกับการรับลูกค้ำ ทำรายงานป้องกันความเสี่ยงการฟอกเงินและสนับสนุนการฟอกเงิน จัดอบรมพนักงาน ผู้ที่ปฎิบัติหน้าที่ตรงนี้ต้องผ่านการอบรมและได้รับใบรับรอง มีการทำรายงานรายชื่อผู้ก่อการร้ายที่ได้ขึ้นบัญชี และต้องคอยอัพเดทอยู่เสมอ มิใช่ว่าใครอยากจะประกอบธรุกิจการเงิน การลงทุนก็สามารถเปิดกันได้แบบจดทะเบียนเปิดบริษัททั่วๆไป
ดังนั้นแล้ว หากว่า มีใครมาชักชวนให้ลงทุน หรือ ปล่อยกู้ ไม่ว่าจะสถาบันการเงินหรือไม่ ขอให้ท่านตรวจเช็คก่อนว่า ผู้ให้บริการนั้นมีการจดทะเบียน หรือ ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจดังกล่าวหรือ ไม่ การลงทุนนั้นเป็นการให้ผลตอบแทนที่เกินจริงหรือไม่ ผลตอบแทนสูงๆโดยที่ท่านลงทุนเพียงน้อยนิดแทบจะไม่สามารถเป็นไปได้เลย และถึงแม้ว่าสถาบันการเงิน หรือ ไม่ใช่สถาบันการเงินแต่กฎหมายรับรอง ท่านก็ต้องใช้ความละเอียดรอบครอบตรวจตราดูให้ดีว่า ข้อตกลงหรือข้อสัญญานั้นเป็นธรรมกับท่านหรือไม่ หรือ ว่าเป็นการเอารัดเอาเปรียบเกินไปไหม ท่านควรที่จะเก็บหลักฐานการทำธุรกรรมเพื่อว่าวันข้างหน้ามีปัญหาขึ้นมาก็จะสามารถดำเนินการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น












