ชี้เป้าสายแคมป์ปิ้ง
ในยุคสมัยที่บ้านเมืองกำลังฟูเฟื่อง ล้ำสมัยกับเทคโนโลยีต่างๆ ที่ค่อนข้างจะอำนวยความสะดวกมากขึ้นจึงทำให้ผู้คนบางกลุ่มเริ่มโหยหาการใช้วิธีในแบบธรรมชาติมากขึ้นเช่นกัน จึงเกิดกระแสการเข้าป่า ออกแคมป์ ตั้งเต็นท์ ด้วยหลากหลายสาเหตุที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเพื่อท่องเที่ยว, เพื่อเรียนรู้การใช้วิถีตามธรรมชาติ, เพื่อต้องการความสงบ หรือจะเพื่อปลีกวิเวกจากสังคมเมืองที่ค่อนข้างวุ่นวาย ซึ่งก่อนที่จะไปออกแคมป์ในแต่ละครั้งจะต้องมีการเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมในการใช้ชีวิต เริ่มต้นจากเต็นท์ ซึ่งเปรียบเสมือนที่พักอาศัยของเรา ซึ่ง 3 ปัจจัยหลักที่ไม่ควรพลาดในการเลือกบ้านหลังที่ 2 ก็คือ
- เนื้อผ้า เต็นท์แต่ละชนิดจะมีเนื้อผ้าที่หนาและบางแตกต่างกันไป ซึ่งคนส่วนมากเวลาออกไปซื้อเต็นท์มักจะไม่สนใจเรื่องนี้กันสักเท่าไร แต่ถือว่าเรื่องเนื้อผ้าเป็นเรื่องที่สำคัญมากเป็นอันดับแรกๆ หากคุณเลือกเนื้อผ้าเต็นท์ที่บางเกินไป เวลาใช้งานจริง แสงแดดอาจจะส่องเข้ามาที่เต็นท์คุณขณะที่คุณกำลังพักผ่อนอยู่อย่างสบายอารมณ์ ความร้อนของแสงแดดกับเต็นท์ที่มีเนื้อผ้าบางเกินไปอาจจะทำให้คุณหงุดหงิดใจ หรือเวลาคุณทำธุระส่วนตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าในเต็นท์ก็อาจจะทำให้บุคคลภายนอกมองเข้ามาเห็นได้ เพราะฉะนั้นเนื้อผ้าที่ดีที่สุดคือต้องเป็นผ้าทึบแสงชนิดโพลีเอสเตอร์ ที่จะมาช่วยในเรื่องของการบังแสงและยิ่งเต็นท์สมัยนี้มีแบล็คเอ้าท์เข้ามาร่วมด้วย จะยิ่งช่วยในเรื่องการลดอุณภูมิในเต็นท์จะไม่ทำให้บ้านของเราอบอ้าวเกินไป เหมาะกับการที่จะไปออกแคมป์ในหลายๆ ฤดูไม่เน้นเพียงแค่ฤดูหนาวเท่านั้น
- ขนาด ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญเช่นกันก่อนที่จะออกเดินทาง เนื่องจากหากเราเลือกเต็นท์ขนาดที่เล็กเกินไปกว่าจำนวนและขนาดของคนที่จะเข้าไปพักอาศันในเต็นท์แล้ว เวลากลางจริงอาจจะนอนอึดอัด ไม่สบายตัวและอาจจะเกิดความเหนื่อย เมื่อยล้าขึ้นก็ได้ ไม่เพียงแค่ดูจำนวนและขนาดคนใช้งานแล้ว ยังจะต้องดูขนาดการเก็บเต็นท์ กระเป๋าใส่เต็นท์ใหญ่หรือเล็กมากน้อยแค่ไหน และหากจะแบกสัมภาระอื่นๆ ไปด้วยจะพะรุงพะรังและเป็นภาระหรือเปล่า อย่าลืมนะว่าเราไม่ได้พกเต็นท์ไปออกแคมป์เพียงอย่างเดียว แต่เรายังจะมีอุปกรณ์อื่นๆ ในการยังชีพด้วย
- การระบายอากาศและการกันน้ำ ถึงแม้ช่วงเวลาส่วนมากที่นิยมกางเต็มท์จะไม่ใช่หน้าฝน แต่อย่าลืมว่าหน้าหนาวตอนกลางคืนก็มีน้ำค้างเช่นกัน หากเต็นท์ของคุณไม่กันน้ำ ก็จะทำให้น้ำซึมไหลเข้าเต็นท์, ที่นอน และอุปกรณ์ต่างๆ ในเต็นท์จนก่อให้เกิดความเสียหายตามมาได้ เช่นเดียวกับการระบายอากาศ ที่ควนจะมีตาข่ายระบายลมและกันแมลงเวลาที่เราปิดเต็นท์ หากไม่มีการระบายอากาศก็อาจจะทำให้เต็นท์เหม็นอับ ซึ่งคงไม่อยากมีใครนอนในอากาศที่ไม่ถ่ายเทหรอกจริงไหม
ดูปัจจัยหลักการเลือกเต็นท์คร่าวๆ ไปแล้ว ทีนี้ปัจจัยรองก็อยู่ที่เงินในกระเป๋าและความสวยงามเวลาที่จะถ่ายรูปเล่นอวดลงโซเชียลของแต่ละคนกันแล้วล่ะ นอกจากนี้ยังมีบางสิ่งที่ไม่ควรพลาดที่จะพกใส่กระเป๋าติดตัวออกไปในการออกแคมป์แต่ละครั้ง อาทิ รองเท้าเดินป่า, ถุงนอนหรือที่นอนเป่าลม, ไฟฉายหรืออุปกรณ์ส่องสว่าง, ยากันยุงหรือสเปรย์กันยุง, พาวเวอร์แบงค์, กระบอกน้ำ, อาหารหรือน้ำดื่ม, แผนที่หรือเข็มทิศ, เตาแก๊สปิคนิก, หม้อสนามใบเล็กๆ, ถุงพลาสติก และอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วก็เตรียมแพ็คกระเป๋าเดินทางไปออกแคมป์ กางเต็นท์ เตรียมตัวสูดโอโซนกันให้ชุ่มปอดได้เลย
สถานที่ฮิตในการออกแคมป์มีมากมายหลายที่ หากคุณมีเวลาไม่มากอาจจะใช้ช่วงพักผ่อนในวันเสาร์-อาทิตย์จองลานกางเต็นท์เอกชนที่ไม่ไกลเมืองมากนักก็ได้ แต่ถ้ามีเวลามากหน่อยหรือในช่วงวันหยุดยาวอาจจะพาครอบครัว, คนรักไปสัมผัสบรรยากาศแบบธรรมชาติตามต่างจังหวัด โดยแต่ละจังหวัดแต่ละสถานที่บรรยากาศและการเดินทางก็จะแตกต่างออกไป
เริ่มต้นที่สถานที่ยอดนิยมแห่งแรกสำหรับบรรดานักกางเต็นท์ที่มีเวลาไม่มากแต่ต้องการพักสมองด้วยการออกไปเสพย์ธรรมชาติแบบเรียบง่ายและอยู่ไม่ไกลกรุงเทพมหานครมากนัก นั่นก็คือ เขาใหญ่ เป็นหนึ่งสถานที่ที่หลายคนคิดถึงเป็นอีนดับแรกเวลาจะไปกางเต็นท์และเป็นจุดศูนย์กลางของการพาครอบครัวไปพักผ่อนแบบธรรมชาติ เขาใหญ่เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ทั้งหมด 4 จังหวัดคือ ปราจีนบุรี, นครนายก, สระบุรี และ นครราชสีมา ห่างจากกรุงเทพฯ 100 กว่ากิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวบนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้หลายเส้นทาง เและถือว่าเป็นอุทยานแห่งชาติที่อุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยเหล่าต้นไม้นานาๆ พันธุ์, สัตว์ป่า นกป่านานาชนิดที่อาศัยอยู่ โดยก่อนจะเข้าอุทยานฯ จะต้องชำระค่าบริการเป็นรายบุคคล เด็ก 20 บาท, ผู้ใหญ่ 40 บาท, รถมอเตอร์ไซต์คันละ 30 บาท, รถยนต์คันละ 50 บาท เมื่อไปถึงสามารถเลือกทำเลปักเต็นท์จองที่นอนไว้ได้ที่ลานกางเต็นท์ผากล้วยไม้หรือลานกางเต็นท์ลำตะคลอง แล้วออกไปเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวแนวธรรมชาติชื่อดังมากมาย อาทิ น้ำตกเหวนรก, น้ำตกเหวสุวัต, น้ำตกผากล้วยไม้, ผาตรอมใจ, ผาเดียวดาย, จุดชมวิวต่างๆ หรือจะติดต่อขึ้นรถไปส่องสัตว์ทัศนะศึกษาพร้อมกับทีมเจ้าหน้าที่ในช่วงยามค่ำคืนก็ได้
อีกหนึ่งสถานที่ยอดนิยมเวลาคิดว่าจะไปกางเต็นท์ดูดาวและทะเลหมอกยาวเช้าสัก 2-3 วัน คงจะหนีไม่พ้น ภูทับเบิก ตั้งอยู่ที่ จ.เพชรบูรณ์ และถูกยกให้เป็นเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ เพราะอยู่สูงจากน้ำทะเลถึง 1,768 เมตร ห่างจากรุงเทพมหานคร 430 กิโลเมตร การเดินทางไปเที่ยวภูทับเบิกไม่ยากนักเพราะสามารถขับรถส่วนตัวไปได้ โดยใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง หรือจะนั่งรถโดยสารประจำทางสายจังหวัดเพชรบูรณ์และลงที่หล่มสัก นักท่องเที่ยวส่วนมากมักจะนิยมไปเที่ยวภูทับเบิกช่วงหน้าหนาว ประมาณเดือน พ.ย.-ม.ค. แต่ความจริงแล้วภูทับเบิกสามารถเที่ยวได้ทุกภาคเพราะเป็นภูเขาที่มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี และเมื่อมาถึงภูทับเบิกแล้ว ก็ต้องไม่พลาดที่จะแวะพักผ่อนปักเต็นท์นอนชมทะเลหมอกชิวๆ ที่เขาค้อ อีกหนึ่งสถานที่ยอดนิยมของคนรักธรรมชาติและโอโซน ซึ่งเขาค้อห่างจากภูทับเบิกไม่ไกลนัก ประมาณเพียงแค่ 70 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ก็จะได้พบสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย อาทิ ทุ่งกังหันลม, วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว, จุดชมทะเลหมอก, เก็บสตรอเบอรี่กินเองอย่างสนุกสนาน รวมไปถึงบรรดาร้านกาแฟและบรรดาคาเฟ่ต่างๆ ให้ได้สายชิวได้แวะพักถ่ายภาพกันแบบจุใจ
หากมีเวลาต่ออีกนิดขอแนะนำให้แวะชมใบเมเปิ้ลเปลี่ยนสีในช่วงฤดูหนาวที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ซึ่งตั้งอยู่บนรอยต่อพื้นที่ 3 จังหวัด คือ อ.ด่านซ้าย จ.เลย, อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ และ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ซึ่งห่างจากเขาค้อและภูทับเบิกไม่ไกลนัก โดยใช้ระยะเวลาเดินทางไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็จะถึงอีกหนึ่งที่กางเต็นท์แนวธรรมชาติที่เต็มไปด้วยแมกไม้น้อยใหญ่ ที่ให้ความร่มรื่น จนทำให้อากาศบนภูหินร่องกล้าฯ มีความเย็นตลอดเกือบทั้งปี โดยเฉลี่ยอยู่ที่ไม่เกิน 25 องศาเซลเซียล ทั้งนี้จะต้องเสียค่าธรรมเนียนในการเข้าอุทยาน ผู้ใหญ่ 20 บาท และ เด็ก 10 บาท ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติและประวัติศาสตร์ เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เคยเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการรบของกลุ่มคอมมิวนิวนิสต์สมัยอดีตมาก่อนนั่นเอง แต่ไม่ใช่ว่าจะมีเพียงแค่เรื่องประวัติศาสตร์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ภูหินร่องกล้าฯ ก็มีความสวยงามให้ไปกางเต็นท์พักผ่อนไม่แพ้สถานที่อื่นๆ รวมไปถึงมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย อาทิ ลานหินปุ่ม, ลานหินแตก, ผาชูธง, น้ำตกร่มเกล้า, ฯลฯ และที่พลาดไม่ได้หากมาที่ภูหินร่องกล้าแล้วจะต้องแวะเช็คอินต่อที่ ภูลมโล ที่อยู่ห่างจากภูหินร่องกล้าเพียงแค่ 15 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงฤดูหนาวกับความงดงามของดอกพญาเสือโคร่ง สีชมพู เมื่อบานสะพรั่งพร้อมกันอย่างสวยงามราวกับดอกซากุระบานของประเทศญี่ปุ่น จนเหล่าบรรดานักท่องเที่ยวที่ไปเยือนทั้งหลายต่างก็เรียกติดปากว่าเป็น ภูเขาสีชมพู
ฝากไว้ที่สุดท้ายกับกระแสกางเต็นท์ที่มาแรงที่สุดและถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมอย่างมากในการออกแคมป์พักผ่อน คงจะหนีไม่พ้นหมู่บ้านลึกแต่ไม่ลับของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง ริมแนวชายแดนติดริมฝั่งเพื่อนบ้านประเทศพม่าที่ชื่อว่า กลอเซโล ตั้งอยู่ที่ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ที่ถูกขนานนามว่าเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยงามตลอดเกือบทั้งปี โดยจุดเด่นจะอยู่ที่เดือนพฤศจิกายน-มกราคม ที่ผู้คนต่างนิยมขึ้นไปชมความสวยงามของทะเลหมอก ถึงแม้ว่าสภาพการเดินทางจะไม่เอื้ออำนวยมากนัก เพราะเส้นทางกว่าจะขึ้นไปถึงจุดชมวิวค่อนข้างทรหดพอสมควร แต่ก็ถือว่าไม่ลำบากมากนักเนื่องจากรถสามารถเข้าถึง แต่รถที่เหมาะกับการเดินทางควรจะเป็นโฟล์วีลสายลุยเท่านั้น! และคนขับต้องมีทักษะเรื่องการขับรถขึ้นเขาในระดับค่อนข้างสูงพอสมควร เพราะสองข้างทางในการเดินทางจะเป็นวิบากค่อนข้างแคบ มีเหวทั้งสองข้างทาง จะมีหลุมและฝุ่นตลอดทั้งทาง หากผู้ไม่ชำนาญหรือทักษะการขับรถไม่แข็งแรงพออาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ แต่ทั้งนี้สายชิวทั้งหลายไม่ต้องหวั่นใจไป เพราะสามารถเหมารถของคนในหมู่บ้านขึ้นไปได้เช่นกัน โดยสามารถติดต่อกลุ่มชุมชนกลอเซโลเพื่อเหมารถรับส่งขึ้นไปที่หมู่บ้าน โดยคิดอัตราเป็นรายวัน ส่วนราคาก็แล้วแต่จะตกลงกันเอาเอง ซึ่งแนะนำว่ารับประกันความปลอดภัยได้ดีกว่าไม่ชำนาญทางแล้วขับรถขึ้นไปเอง เสี่ยงทั้งอันตรายชีวิตและรถพังอีกต่างหาก
แต่หากใครต้องการที่จะสัมผัสแนวธรรมชาติไปกางเต็นท์ เดินป่า ปีนเขา ลุยวิบากแบบเต็มตัว ก็มีอุทยานแห่งชาติเปิดรองรับมากมาย อาทิ เขาช้างเผือก, ภูสอยดาว, ดอยหลวงเชียงดาว, ดอยม่อนจอง, ภูกระดึง, เขาหลวงสุโขทัย, ฯลฯ แต่ทั้งนี้บรรดาเหล่าสมาชิกที่จะไปลุยแนวแอดเวนเจอร์ทั้งหลายจะต้องเตรียมฟิตร่างกายให้พร้อมก่อนออกเดินทาง และที่สำคัญต้องปฏิบัติตามคำสั่งและคำแนะนำของเจ้าหน้าที่กันอย่างเคร่งครัดด้วย เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของตัวท่านเอง แต่ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนก็อย่าลืมรักษาความสะอาด, ความสวยงามของธรรมชาติ รวมไปถึงกฏระเบียบของแต่ละสถานที่ที่ไปกันด้วยนะ










