งบซื้อเครื่องบินพักก่อนไหม ช่วยชาวนาที่เดือดร้อนก่อน
ล่าสุดกรมการค้าข้าว ได้มีการเปลี่ยนโครงการช่วยเหลือชาวนา ด้วยการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ด้วยการจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่เกษตรกรสำหรับการจัดซื้อและซ่อมแซมครุภัณฑ์และเครื่องจักรกล การเกษตรให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ซึ่งขณะนี้มีจำนวนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร 4.69 ล้านครัวเรือน โดยจ่ายขาดในอัตราไร่ละ 700 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 5 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 3,500 บาท รวมๆแล้วจะใช้เงินทั้งสิ้น 12,560 ล้านบาทเท่านั้น
ด้านนายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส. พรรคชาติไทยพัฒนา จ.สุพรรณบุรี เผยว่า ในปีงบประมาณ 2566 เงินช่วยเหลือชาวนา 20,000 บาทต่อครัวเรือนที่มาจากกรมการข้าวจะถูกยกเลิกหายไปโดยปริยาย โดยตนมองว่าโครงการใหม่ที่กรมการข้าวจัดทำขึ้นนั้น และเห็นด้วยในหลักการที่ต้องการลดต้นทุนการผลิต เพราะโครงการเดิมใช้จำนวนเงินต่อปีสูงมาก เป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดิน แต่ทั้งนี้ก็อยากให้ร่วมกันพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเสียก่อนว่า
1. โครงการใหม่จะสามารถดำเนินการลดต้นทุนได้จริงหรือไม่
2. ชาวนาได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึงหรือไม่ และใครเป็นผู้ดูแลบำรุงรักษาเครื่องจักรการเกษตรที่จัดซื้อ
3. เกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะต้องได้รับเงินเต็มตามจำนวนไม่รั่วไหล
รวมถึงให้คำนึงถึงต้นทุนการผลิต เช่น ปุ๋ย น้ำมันยาฆ่าแมลง ค่าครองชีพที่มีแนวโน้มสูงขึ้นกว่าเดิม โดยขอให้มองถึงระยะยาวไปจนถึงการประกันราคาข้าวให้เกษตรกรที่จะเหมาะสมกับสภาวการณ์ในขณะนี้ พร้อมทั้งโพสต์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียโดยระบุข้อความว่า “เพลงตื่นเถิดชาวนาตื่นเถิดชาวนาอย่าหลับใหลลุ่มหลง ชาติจะเรืองดำรง ก็เพราะเราทั้งหลาย ถ้ามัวหลับมัวหลง เราก็คงไม่ได้ #ซื้อเครื่องบิน F 35 ราคา 13,800 ล้าน คืนไป /ซื้อโดรน 4,000 ล้าน คืนไป / เรือดำน้ำ กว่า 20,000 ล้าน คืนไป #เอาเงินชาวนากลับคืนมา"
เกษตรกรอาชีพที่ใครๆอาจมองว่าไม่มีเกียรติ แต่ความเป็นจริงแล้วเขาคือคนสำคัญ หากไม่มีพวกเขาเราคงไม่มีอาหารดีๆรับประทาน ไม่มีสินค้าเกษตรส่งออกที่สร้างรายได้เข้าประเทศและทำให้ประเทศไทยได้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ฉะนั้นแล้วรัฐบาลควรซัพพอร์ตกับอาชีพนี้ด้วยเช่นกัน ทั้งเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ และช่วยเหลือเรื่องปากท้องในยุคที่เศรษฐกิจเป็นเช่นนี้ เรื่องนี้คงต้องฝากให้รัฐบาลได้ร่วมกันพิจารณาอีกครั้ง