เปิดบทลงโทษ ส.ส.พรรคเล็กรับเงินเกิน 3,000 บาท ไม่แจ้งประธานสภาฯ "ศรีสุวรรณ" จ่อยื่น ป.ป.ช.
จากกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่ง ว่า พรรคพวกนี้ 3 - 4 ปีที่ผ่านมา รับเงินเดือนจากใครให้จำไว้ ผมมีลายเซ็นทุกอย่าง รับเกิน 3,000 บาทระวังไว้เถอะ หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีไลน์หลักฐานการโอนเงินให้กับนักการเมืองพรรคเล็กต่าง ๆ ผ่านสื่อมวลชนเผยแพร่เต็มโซเชียลมีเดียไปหมด ซึ่งเป็นหลักฐานที่สามารถบ่งชี้ได้ว่านักการเมืองต่างๆ มีพฤติการณ์การรับเงินกันจริงเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์บางอย่างกันหรือไม่
จากการตรวจสอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 128 ได้กำหนดว่า
มิให้เจ้าพนักงานรัฐผู้ใดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้จากผู้ใด นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันใครได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่โดยอาศัยกฎหมาย นอกจากนี้ ประกาศ ป.ป.ช. เรื่อง หลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าพนักงานของรัฐ พ.ศ.2563 ในข้อ 6 และข้อ 7 ยังกำหนดรายละเอียดเพิ่มเติมจากกฎหมายแม่ว่า ผู้ดำรงตำแหน่ง ส.ส. และ ส.ว.ห้ามรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นได้จากผู้ที่ไม่ใช่ญาติ ในแต่ละโอกาสไม่เกิน 3,000 บาท
ทั้งนี้หาก ส.ส. หรือ ส.ว.รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเกิน 3,000 บาท ให้แจ้งต่อประธานสภาที่เป็นสมาชิก ภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ได้สิ่งนั้นไว้ จากนั้นประธานสภา จะวินิจฉัยว่า มีเหตุผลความจำเป็นว่า ส.ส. หรือ ส.ว. ที่แจ้งมาสมควรได้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดที่เกิน 3,000 บาท หรือไม่ หากประธานสภามีคำสั่งว่าไม่สมควรได้รับสิ่งนั้น ก็ให้คืนสิ่งที่ได้รับแก่ผู้ให้ทันที โดยการฝ่าฝืนรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเกิน 3,000 บาท มาตรา 128 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต กำหนดโทษ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ล่าสุด นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย บอกว่า จากกรณี ส.ส.พรรคเล็ก เซ็นต์ชื่อรับเงินเดือนประจำเดือนมีนาคม 2563 หลายคน และมีภาพหลักฐานสลิปการโอนเงินไปยังบุคคลปลายทาง ซึ่งเป็นชื่อของหัวหน้าพรรคการเมืองเล็กๆ รวมทั้งหัวหน้ากลุ่มการเมืองที่ตกเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ ว่าเป็นเงินรายเดือนจำนวนมากที่มีการจ่ายกันเป็นรายเดือน ดังนั้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะได้รวบรวมพยานหลักฐานจากแหล่งที่ปรากฏในสื่อสำนักต่างๆ ในโซเชียลมีเดีย กลุ่มไลน์ต่างๆ และแหล่งข่าว เพื่อยื่นให้ ป.ป.ช. ในสัปดาห์หน้า













