การจัดการขยะเรือนจำสุพรรณบุรี สู่เรือนจำสีเขียวเป็นคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก
ด้วยสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างรุนแรง ภาวะโลกร้อน ภัยพิบัติที่นานาประเทศได้เผชิญ ทั้งน้ำท่วม ความแห้งแล้ง สัตว์ที่ล้มตายอย่างสาเหตุไม่ได้ โรคอุบัติใหม่ ต่างเป็นสัญญาณเตือนให้แก่มนุษย์ว่า “โลกมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่แย่ลงกว่าเดิม” ประชาคมทั่วโลกได้ตระหนักถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดการตื่นตัวและหันมาให้ความสำคัญไปสู่การร่วมมือกันแก้ไขปัญหา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมาจากกิจกรรมของมนุษย์แทบทั้งสิ้น ที่มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่รู้คุณค่า ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศในปริมาณที่มากจนเกินไป
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการพัฒนาไปสู่เมืองคาร์บอนต่ำ
เมืองคาร์บอนต่ำ คือเมืองที่มีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน สำหรับประเทศไทยเราได้มีโครงการ “สุพรรณบุรี Carbon Neutrality Model” โดย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมทีมงาน โดยดำเนินการขับเคลื่อนจังหวัดสุพรรณบุรีไปสู่เมืองคาร์บอนต่ำ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 และบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2065 ตามที่ประเทศไทยได้ประกาศเจตนารมย์ไว้ในงานประชุม COP 26 เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2564 ที่ผ่านมา นายวราวุธ ศิลปอาชา ได้มีโอกาสเข้าเยี่ยม “เรือนจำสุพรรณบุรี” ซึ่งเป็นเรือนจำที่มีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเป็นส่วนหนึ่งในโครงการฯ สิ่งที่น่าสนใจคือ เรือนจำแห่งนี้เป็นโมเดลต้นแบบที่มีการระบบจัดการขยะแบบครบวงจร โดยการแยกขยะออกเป็น 10 ประเภท
-เศษผัก เศษเนื้อสัตว์ เศษผลไม้ ใบไม้
-เศษอาหารที่เหลือจากการรับประทาน
-ถุงพลาสติก
-พลาสติกรวม กระป๋องแป้ง
-ขวดพลาสติกใส
-ซองขนม ซองบะหมี่ ซองกาแฟ
-กระป๋องเหล็ก อะลูมิเนียม
-กล่องกระดาษ กระดาษรวม
-เศษผ้า โฟม รองเท้าเก่า ยางยืด
-ถ่านไฟฉาย แบตเตอรี่ ผ้าอนามัย ถุงมืออนามัย หน้ากากอนามัย
ภายหลังจากคัดแยกขยะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขยะเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำไปทำปุ๋ยอินทรีย์, ทำน้ำมัน, ขายเพื่อรีไซเคิล และนำไปสร้างสรรค์ประดิษฐ์ของใช้ในบ้าน ส่วนขยะที่เป็นอันตรายจะนำส่งให้เทศบาลเมืองสุพรรณบุรี เพื่อนำไปกำจัดต่อไป
สำหรับการจัดการขยะของเรือนจำฯ นั้น นอกจากจะสามารถประหยัดงบประมาณการจัดเก็บขยะได้ถึง 47,000 บาทต่อเดือน หรือปีละประมาณ 564,000.- บาท แล้ว ยังเป็นการบริหารจัดการขยะให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการเผาที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศได้อีกด้วย หากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน สามารถทำได้เช่นเดียวกันนี้ เราจะสามารถจัดการขยะเหล่านี้ไปได้อีกไม่น้อย พร้อมทั้งช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน