มนุษย์ ”บางคน” สามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างปกติ โดยที่สมองนั้นเสียหายไปแล้วมากกว่า 90%
แม้ว่าเราจะรู้กันดีว่า สมองนั้นเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดในร่างกาย แต่ในปี 2007 วงการวิทยาศาสตร์กลับต้องงงงวย ไปกับชายชาวฝรั่งเศสคนหนึ่ง ที่มีชีวิตแบบปรกติโดยที่สมองของเขานั้น เสียหายไปแล้วมากกว่า 90%
เรื่องราวนี้ได้รับการเปิดเผยในนิตยสารทางการแพทย์อย่าง “The Lancet” ว่า มีชายชาวฝรั่งเศสคนหนึ่ง เข้าพบแพทย์ที่โรงพยาบาล โดยเขามีอาการขาข้างซ้ายอ่อนแรงเล็กน้อย แพทย์จึงได้ทำการแสกนสมองของเขาแล้วพบว่า ในกะโหลกศีรษะของเขาเต็มไปด้วยของเหลว สมองของเขานั้นหายไปแล้วมากกว่า 90% โดยเหลือเพียงเนื้อเยื่อสมองชั้นนอกบางๆ โดยที่ภายในเหมือนจะโดนกัดเซาะไปจนเกือบหมด
แพทย์ได้วินิจฉัยว่า ของเหลวในสมองของชายคนนี้น่าจะไม่ถูกระบายออก ซึ่งจะแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไปที่ของเหลวในสมองจะถูกระบายผ่านทางหลอดเลือดในสมอง ใช่ครับ ชายคนนี้อยู่ในภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ (Hydrocephalus)
ซึ่งเมื่อได้ตรวจสอบประวัติทางการแพทย์แล้วพบว่า ชายคนนี้เคยผ่าตัดศีรษะมาตั้งแต่ยังเป็นทารก เพื่อติดตั้งอุปกรณ์พิเศษที่เป็นขดลวดขนาดเล็กๆ (Stent) เพื่อช่วยระบายของเหลวออกจากสมอง แต่ก็ถูกถอดออกเมื่อเขามีอายุได้ 14 ปี
แม้ว่าสมองของเขาจะหายไปมากถึง 90% แต่ชายคนนี้แทบจะไม่มีอาการผิดปรกติอะไร ไม่ได้เป็นผู้พิการทางสมอง สามารถใช้ชีวิตได้ตามปรกติแบบคนทั่วไป เขาทำงานในหน่วยงานของรัฐบาล แต่งงานมีลูก 2 คน และมีสุขภาพแข็งแรง
จากการทดสอบไอคิวนั้น เขามีระดับไอคิวอยู่ที่ 75 ซึ่งแม้จะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของคนทั่วไป (ไอคิว 100) แต่ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นความพิการทางจิตแต่อย่างใด
Axel Cleeremans นักจิตวิทยาการรู้คิด (Cognitive Psychologist) ของมหาวิทยาลัย Université Libre de Bruxelles ในเบลเยียม ได้ตั้งสมมุติฐานถึงความเป็นไปได้ของชายคนนี้ที่ยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปรกติ แม้ว่าจะเหลือสมองอยู่เพียง 10% ว่า แม้สมองของชายคนนี้จะมีขนาดเล็ก แต่เซลล์ประสาทที่หลงเหลืออยู่ก็สามารถสร้างทฤษฎีต่างๆ เกี่ยวกับตัวเองได้ เนื่องจากสมองของคนเรามักจะมีการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา
ข้อมูลของชายคนนี้นั้นถูกเก็บเป็นความลับ แต่เขาก็ไม่ใช่คนเดียวที่สามารถมีชีวิตรอดจากการสูญเสียสมอง หรือมีสมองจำนวนไม่มาก เช่นหญิงชาวจีนวัย 24 ปี ซึ่งเข้าพบแพทย์โดยมีอาการคลื่นไส้และเวียนศีรษะ ซึ่งแพทย์ได้ตรวจพบว่าเธอมีอาการสมองน้อยไม่พัฒนาตั้งแต่กำเนิด (Cerebellar Agenesis) ซึ่งพบได้ยากมากๆ
หรืออีกเคสหนึ่ง คือเด็กชายวัย 12 ปี ที่สามารถมีชีวิตรอดโดยมีแต่ก้านสมองเท่านั้น โดยสมองของเขาทั้งหมดถูกทำลายจากภาวะ Hydranencephaly (เป็นพยาธิสภาพการทำลายสมองที่รุนแรงที่สุด) แต่ก็เสียชีวิตอีกไม่นานหลังจากนั้น ซึ่งมันแปลกมากๆ เพราะโดยส่วนมากแล้ว ผู้ที่เป็นโรค Hydranencephaly นั้นมักจะอยู่รอดได้นานมากที่สุดแค่ 12 สัปดาห์ ซึ่งเขาสามารถหายใจเองได้ด้วยตัวเอง และสามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ แต่ตาบอดและไม่สามารถสื่อสารได้
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นี่คือหนึ่งในเรื่องที่แปลกประหลาดที่สุด ทางการแพทย์ ที่ยังหาคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ 100% ว่าพวกเขามีชีวิตอยู่ได้อย่างไร กับการมีสมองที่เสียหายไปมากถึง 90%
อ้างอิงจาก: https://www.sciencealert.com/a-man-who-lives-without-90-of-his-brain-is-challenging-our-understanding-of-consciousness
https://www.cbc.ca/radio/asithappens/as-it-happens-thursday-edition-1.3679117/scientists-research-man-missing-90-of-his-brain-who-leads-a-normal-life-1.3679125
https://www.iflscience.com/man-tiny-brain-lived-normal-life-31083
https://www.businessinsider.com/the-man-who-lived-a-normal-life-with-almost-no-brain-2015-10














