บ้านผีสิง!! งานวัดในตำนาน ที่ได้เลือนลางหายไป
บ้านผีสิง !!!
อยากชวนเข้าบ้านผีสิงด้วยกัน
งานไหว้พระธาตุปีนี้ไม่คึกคักเหมือนปีเก่าก่อน
คงเพราะสถานการณ์โควิด-19
หรือไม่ก็ยุคสมัยเปลี่ยนไปทำให้คนมาเที่ยวงานวัดดูบางตา
ถนนด้านหลังเชื่อมทางขึ้นบันไดสู่องค์พระธาตุ ระยะเกือบ 500 เมตร
สองฝั่งอัดแน่นด้วยร้านขายของซึ่งส่วนใหญ่เป็นของกิน
เมื่อความมืดโรยตัวปกคลุมบริเวณแต่ละร้านก็สว่างไสวด้วยแสงไฟ
อีกฝากฝั่งมีเต้นท์ขายจำพวกเสื้อผ้า กระเป๋า เข็มขัด แว่นตา ของเด็กเล่นฯลฯ
ลานคอนกรีตกว้างชิงช้าสวรรค์บนดินประดับด้วยหลอดไฟหลากสี
กำลังหมุนตามเข็มนาฬิกาอย่างเกียจคร้าน
เด็กน้อยหลายคนใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มบนหลังม้าหมุน
ตุ๊กตาปูนปาสเตอร์ยังได้รับความสนใจจากจิตกร
บ่อปลาหางนกยูงด้วยยังคงเสน่ห์ให้คนยอมจ่ายเงินแลกสวิงกระดาษให้ละลายในน้ำ
“โบร๋ววววว…บรู๊ววววว…..กรี๊ดดดด
ท่านที่เดินผ่านไปผ่านมาแวะมาหาเรา บ้านพี่สิง 55555
เรามีผีให้ท่านเห็น ตื่นเต้น ระทึกใจ สยองขวัญสั่นประสาท
เราขอท้าทายท่านที่มั่นใจแน่ว่าไม่กลัวผี
ท่านจะเห็นผี 5555 อยากเห็นผีเข้ามาสิเข้าสิครับ บ้านผีสิง ควงแขนกันเข้ามา 5555”
เสียงจากลำโพงขนาด 15 นิ้ว เปิดคำโฆษณาวนไปเชิญชวนผู้คนที่ผ่านให้
บ้านผีสิงประกอบด้วยโครงเหล็ก 10 x 5 เมตร ใช้ไวนิลล้อมรอบ
มีรูปหน้าของตัวโจ๊กเกอร์แสยะยิ้มหลอน ๆ
หน้าประตูทางเข้ามีเด็กชายอายุไม่เกิน 7 ขวบ นั่งพิงพ่อตาจ้องหน้าจอโทรศัพท์
ถัดออกไปหญิงวัยสามสิบต้น ๆ นั่งดูดน้ำแดงจนแก้มตอบ
ยามนั้นเสียงเพลงจังหวะแดนซ์กระจายจากร้านขายของและเครื่องเล่นต่าง ๆ
ประชันกันดั่งใครดังใครเด่นก็ยิ่งมีโอกาสเรียกคนเข้ามาอุดหนุน
ท่ามกลางความอึกทึกคึกโครม มีเพียงบ้านผีสิงที่แลดูเงียบเหงาดั่งป่าช้าไร้ลูกค้ามาใช้บริการ
วัยรุ่น 4 คน ยืนรอดูท่าทีคล้ายรอรีให้มีคนเปิดวง
อดีตบ้านผีสิง คือแห่งเดียวที่ผมเคยคิดว่าจะไม่ยอมเสียเงินเข้าไปดูให้ผีหลอก
เพราะรู้ว่าคือคนหลอก แต่ค่ำนี้กลับรู้สึกว่า “รู้เขาหลอกก็เต็มใจให้หลอก”
เมื่อจ่ายเงิน 20 บาทกับผู้ชายที่นั่งมองเหม่อข้างเด็กชาย
“แม่รับแขกด้วย” เขาตะโกนบอกทางผู้หญิง
เด็กชายลุกจากเก้าอี้ด้วยท่าทางเบื่อหน่ายผลุบหายเข้าไปเข้าทางหลังผ้าสีดำกั้นเป็นประตูสู่บ้านผีสิง
“พี่เดินทางไฟตรงพื้นไปเดี๋ยวจะวนออกมาทางนี้”
หญิงซึ่งผมอนุมานว่าเป็นแม่ของเด็กชายเปิดผ้ากั้นให้ผมพร้อมชี้ให้ดูทางออก
“ ปัง ๆๆ” ผู้ชายที่คิดว่าเป็นพ่อตบแผ่นสังกะสีอันเป็นผนังบ้านคล้ายส่งสัญญาณบางอย่างให้ใครสักคน
เมื่อเดินเข้าไป2 ก้าว ผมหลับตาห้าวินาที พอลืมตาจึงคุ้นชินกับความมืดภายใน
แสงสลัวของไฟแบล็คไลท์สีม่วงและแดงช่วยทำให้บรรยาศดูน่ากลัว
เคยได้ยินว่า “ความมืดไม่น่ากลัวเท่าจินตนาการในความมืด”
โบร๋ววววว…บรู๊ววววว…..กรี๊ดดดด เสียงหมาหอนกับเสียงร้องกรี๊ดจากซาวด์โฆษณาดังชัด
กลิ่นอับชื้นผสมกลิ่นสีกระป๋องโชยมาเตะจมูก
“เอี๊ยดดดดดดดดด….” เสียงลวดสลิงดังสูงเหนือหัว
พอเงยหน้ามองดู เห็นหุ่นหน้าผีสามตัวห้อยต่องแต่งไปมา
ทำให้อยากรู้ทันทีถึงกลไกการบังคับควบคุมหุ่น
“ หึ ๆ ๆ” โครงกระดูกสีขาว ยื่นมือเดินดักหน้าผม
จังหวะนั้นนึกได้อย่างเร็วพลันว่าควรแสดงความหวาดกลัวให้ผีมีกำลังใจหลอก
“อึ๋ย…ย..ย ตกใจหมดเลย ชอบ ๆ ครับ พี่ขออนุญาตถ่ายรูปหน่อยนะครับ”
ผมแสร้งทำเสียงสั่น พร้อมยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูปผี
“แชะ” เสียงชัดเตอร์ทำงานกับแสงแฟลช
ปรากฏภาพแสดงบนหน้าจอวัยรุ่นชายใบหน้าเหยเก
สวมกางเกงสีดำ ท่อนบนเปลือยเปล่าแต่งแต้มด้วยสีเรืองแสงเป็นรูปโครงกระดูก
“ขอโทษครับ ๆ พี่ลืมปิดแฟลช”
เดินมาถึงช่วงทางเลี้ยวก่อนถึงประตูทางออก
ได้ยินเสียงเคลือนไหวจากหลังฉากจึงยื่นหน้าชะโงกมอง
“เฮ้ยยยยย !!!!” ผมร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ ขนในกายลุกชูชันอย่างพร้อมเพียง
ภาพที่เห็น หน้าของเด็กชายสะท้อนแสงไฟจากโทรศัพท์ซึ่งอยู่ในตำแหน่งใต้คาง
สร้างความหลอนให้ผมชนิดไม่ได้เตรียมใจรับมาก่อน เด็กชายเองก็ดูตกใจเสียงผมเช่นกัน
แต่ก็ยังทำหน้าที่ใช้มืออีกข้างดึงสายลวดสลิงต่อไป
พอเปิดผ้าม่านประตูออกสู่ด้านนอก
ทุกสายตาของวัยรุ่น 4 คนจ้องมองมา
สีหน้าผมตื่น ๆ ใช้มือตบเบา ๆ ถี่ ๆ ตรงอกใกล้หัวใจที่เต้นแรง ยังหลอนกับใบหน้าผีเด็ก !!!
กลุ่มวัยรุ่นเห็นกิริยาคนเพิ่งออกมา
พวกเขาไม่ลังเลควักเงินจ่ายซื้อบัตรเดินเข้าประตูสู่บ้านผีสิง
พอผมเดินห่างออกมาได้ยิน “ปัง ๆๆๆๆ”
แทรกมากับซาวด์บ้านผีสิง
รู้สึกนึกยินดี แสดงว่าผีได้ถูกปลุกให้ตื่นอีกครั้ง














