หญิงสาวขี่ม้าเดินทางไกลเกือบ 100 กิโลเมตร เพื่อไปผ่าตัดเนื้องอกก้อนมหึมาออก โดยไม่ใช้ยาสลบ!!
เรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่ยอมขี่ม้าเดินทางไปในระยะทางไกลเกือบ 97 กิโลเมตร เพื่อให้หมอตัดเนื้องอกที่มีน้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัม ออกจากรังไข่ของเธอโดยไม่ได้ใช้ยาสลบ เมื่อปี 1809 โดยลำพัง และผ่าตัดสำเร็จเป็นคนแรกของโลก
.
เรื่องราวนี้ เริ่มต้นจาก Jane Todd Crawford หญิงสาววัย 45 ปี ที่อาศัยอยู่แถวๆ Greensburg รัฐ Kentucky กับครอบครัว และลูกๆ ของเธออีก 5 คน ได้เกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา และเธอก็ดูแลครรภ์ของเธออย่างดีมาตลอด
.
และด้วยขนาดท้องที่ใหญ่กว่าปรกติของหญิงที่ตั้งครรภ์ ทำให้แพทย์ประจำโรงพยาบาลท้องถิ่นนั้นคาดการณ์ว่า เธอน่าจะท้องลูกแฝด
.
จนกระทั่งในเดือน ธันวาคม ปี 1809 การตั้งครรภ์ของเธอ ทำให้แพทย์ของโรงพยาบาลท้องถิ่นต้องกลุ้มใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเธอเลยกำหนดคลอดไปแล้วถึง 2 เดือน แต่เธอก็ยังคงไม่คลอดลูกออกมาเสียที ทำทุกวิถีทางยังไงก็ไม่สามารถคลอดลูกออกมาได้
.
ด้วยขนาดครรภ์ที่ใหญ่จนเธอแทบจะหายใจไม่ออก แพทย์จึงตัดสินใจติดต่อศัลยแพทย์จากเมืองใกล้เคียงกัน ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง มีชื่อว่า Ephraim McDowell จากเมือง Danville รัฐ Kentucky เข้ามาช่วยดูเคสนี้
.
และจากการตรวจสอบของ McDowell เขาก็พบว่า เธอไม่ได้ตั้งครรภ์ แต่เธอเป็นเนื้องอก และมันก็มีขนาดใหญ่เอามากๆ เลยทีเดียว
.
Crawford รู้สึกท้อแท้กับชีวิตทันที เนื่องจากในสมัยก่อนนั้นยังไม่เคยมีการรักษาใดๆ กับเนื้องอกมาก่อน และการผ่าตัดเพื่อกำจัดเอาเนื้องอกออกจากร่างกายนั้น ไม่เคยมีใครทำสำเร็จ มิหนำซ้ำ ยังไม่เคยมีใครรอดชีวิตจากการถูกผ่าตัดที่บริเวณหน้าท้อง ก่อนหน้านี้เลยซักราย
.
McDowell พูดอย่างตรงไปตรงมากับ Crawford ถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่เป็นเนื้องอกก่อนหน้านี้ และบอกกับเธอไปว่า
.
“หากเธอคิดว่า ตัวเองพร้อมที่จะตายจากโรคเนื้องอกนี่อยู่แล้ว ถ้าเธออยากจะลองเอาก้อนเนื้อนี้ออกล่ะก็ เธอสามารถเดินทางมาหาฉันที่ Danville ได้เสมอ”
.
นายแพทย์ McDowell เดินทางออกจาก Greensburg ด้วยความหวังที่ว่าจะไม่ได้พบเธออีก เนื่องจากสำหรับเขาแล้ว เคสของ Crawford ก็ถือว่าหนักมากๆ และด้วยวิวัฒนาการทางการแพทย์ในยุคต้นศตวรรษที่ 19 ที่ยังไม่ได้ทันสมัยอะไรมากมายเท่าปัจจุบัน เขาไม่อยากรักษาเธอ เพราะกลัวเธอจะเสียชีวิตจากการผ่าตัด
.
ด้วยการเดินทางที่ยังต้องใช้ม้าอยู่ และระยะทางที่ห่างไกลกันราวๆ 60 ไมล์ หรือเกือบๆ 97 กิโลเมตร ในหน้าหนาวที่เต็มไปด้วยหิมะ ยังไงซะ McDowell ก็คิดว่า Crawford น่าจะไม่มาหาเขาแน่ๆ
.
แต่ McDowell คิดผิด
.
สถานการณ์ตอนนี้ของ Crawford เธอไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจาก ความตายที่จะค่อยๆ คลืบคลานเข้ามาหาเธออย่างช้าๆ หรือว่า เธอจะลองเสี่ยงดวงผ่าตัดดู ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
.
ด้วยความทรมานของขนาดท้องที่ใหญ่มหึมา ทำให้เธอตัดสินใจเสี่ยงดวงกับชีวิตดูสักครั้ง นั่นคือ การแบกท้องที่มีเนื้องอก ขึ้นม้าควบไปยัง Danville
.
เธอใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงในการเดินทางอันทุลักทุเล หนาวเหน็บ และเจ็บปวดร่างกาย เพื่อเดินทางมาหา McDowell ที่ Danville และขอร้องให้เขา ลงมือผ่าตัดนำเนื้องอกออกให้เธอ
.
McDowell ตัดสินใจผ่าตัดให้เธอ แต่เพราะความช้ำของเนื้องอกด้านล่างที่กระแทกกับอานม้ามา ทำให้ McDowell ต้องชะลอการผ่าตัดออกไปอีก 3 วันเพื่อให้ Crawford ได้พักร่างกายก่อนการผ่าตัด และเมื่อถึงเวลาผ่าตัด McDowell ก็ได้ทำความสะอาดเครื่องมือที่จะใช้อย่างดีทุกชิ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ
.
และเนื่องจากในสมัยนั้นยังไม่มียาสลบ การผ่าตัดในครั้งนั้น Jane Crawford จึงต้องอดทนต่อความเจ็บปวดในระหว่างการผ่าตัด จนเธอต้องร้องเพลงสวดมนต์เพื่อช่วยดึงความสนใจออกจากแผลผ่าตัดที่สุดแสนจะทรมาน
.
การผ่าตัดดำเนินการเสร็จสิ้นภายในครึ่งชั่วโมง จากบันทึกการผ่าตัดของนายแพทย์ McDowell ได้ระบุว่า
.
“เมื่อเขาเปิดดู เนื้องอกนั้นมองเห็นได้ทั้งหมด แต่มันใหญ่เกินไปที่จะเอาออกทั้งหมดในคราวเดียว เขาและทีมแพทย์จึงนำสารคล้ายเจลาตินที่สกปรกซึ่งมีน้ำหนัก 15 ปอนด์ออกมา จากนั้นพวกเขาก็ตัดท่อนำไข่และนำถุงขนาด 7.5 ปอนด์ออกมา”
.
สิ่งที่ไม่น่าเชื่อนอกจากการผ่าตัดที่ประสบความสำเร็จก็คือ Jane Crawford ยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้อีก เพราะเคสผ่าตัดช่วงหน้าท้องก่อนหน้านี้นั้น ส่วนมากผู้ป่วยมักจะเสียชีวิตภายใน 3 วัน แต่กับ Jane Crawford เธอพักฟื้นร่างกายที่บ้านของ McDowell อีก 1 เดือน ก่อนที่เธอจะควบม้ากลับไปยัง Greenburg เพื่อมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกนานถึง 32 ปี
.
และถือได้ว่า การผ่าตัดนำเนื้องอกออกจากรังไข่ในครั้งนี้ของ McDowell ประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก และเรื่องราวการผ่าตัดของเธอได้รับการเผยแพร่ในวงการแพทย์ในเวลาต่อมา ซึ่งมันคือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งนี้ เรื่องราวความเด็ดเดี่ยวของเธอนั้น ก็ได้รับการยกย่องเป็นอย่างมากในเวลาต่อมา ในฐานะ The Mother of Abdominal Surgery หรือ มารดาแห่งการศัลยกรรมช่องท้อง
.
พร้อมกันกับ นายแพทย์ Ephraim McDowell ก็ได้รับการยอมรับไปทั่วทั้งสหรัฐฯ และทั่วโลก ในฐานะที่เป็นคนแรก ที่ประสบความสำเร็จในการกำจัดเนื้องอกในรังไข่ จนได้รับฉายาว่า "บิดาแห่งการผ่าตัดรังไข่" พร้อมๆ กันกับ “บิดาผู้ค้นพบการผ่าตัดช่องท้อง”
.
ทั้งนี้ เส้นทางที่ Jane Crawford ใช้เดินทางมายัง Danville ในตอนนั้น ก็ถูกเรียกกันในเวลาต่อมาว่า “Jane Todd Crawford Trail” เพื่อระลึกถึง และยกย่องถึงความอดทน และความกล้าหาญของเธอ
.
นอกจากนี้ ชื่อของพวกเขาทั้ง 2 คนยังถูกนำไปใช้เป็นชื่อโรงพยาบาลเพื่อยกย่องในความสำเร็จที่เกิดขึ้น ชื่อของนายแพทย์ Ephraim McDowell ก็ถูกนำไปตั้งชื่อโรงพยาบาล The Ephraim McDowell Hospital ใน Danville เฉกเช่นเดียวกับ โรงพยาบาล Jane Todd Crawford ที่ตั้งอยู่ใน Greensburg รัฐ Kentucky เหมือนกัน
.
และนี่คือเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งเมื่อปี 1809 ที่ยอมขี่ม้าเดินทางไปไกลเกือบ 97 กิโลเมตร เพื่อให้หมอตัดเนื้องอกที่มีน้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัม ออกจากรังไข่ของเธอโดยไม่ได้ใช้ยาสลบ ปราศจากการฆ่าเชื้อใดๆ แล้วยังสามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้ นั่นเองครับ
อ้างอิงจาก: https://en.wikipedia.org/wiki/Ephraim_McDowell
https://www.kentuckyliving.com/event/jane-todd-crawford-her-story
https://explorekyhistory.ky.gov/items/show/807
https://historyofyesterday.com/this-woman-traveled-60-miles-on-horseback-in-1809-to-get-the-first-ovariotomy-in-history-274f2eeb51df
https://radiologykey.com/history-and-epidemiology-of-fibroids/
http://littlebitsofhistory.blogspot.com/2011/12/jane-todd-crawford.html
http://quigleyscabinet.blogspot.com/2011/05/jane-todd-crawford.html









