รูปแบบแผนผังและโครงสร้างการปกครองภายในแคว้นวัชชีสมัยพุทธกาล ตามความเข้าใจแบบสังเขป
แคว้นวัชชี มีกรุงเวสาลีเป็นเมืองหลวง ตลอดหลายยุคสมัย แคว้นวัชชีเติบโตขยับขยายพื้นที่อย่างต่อเนื่องมากขึ้นเรื่อยๆ
เริ่มแรกเมื่อขยายผังเมืองจนมีนคร ๒,๕๖๙ แห่ง จึงสร้างกำแพงชั้นที่ ๑
จากกำแพงชั้นที่ ๑ ได้มีการขยายผังเมืองเพิ่มเติมจนมีนคร ๒,๕๖๙ แห่ง จึงสร้างกำแพงชั้นที่ ๒
จากกำแพงชั้นที่ ๒ ได้มีการขยายผังเมืองเพิ่มเติมจนมีนคร ๒,๕๖๙ แห่ง จึงสร้างกำแพงชั้นที่ ๓
ภายในกำแพงทั้ง ๓ ชั้นจึงมีนครรวมกันทั้งหมด ๗,๗๐๗ แห่ง (๒,๕๖๙ คูณ ๓)
ภายนอกกำแพงชั้นที่ ๓ เป็นพื้นที่ของนิคมหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งจะมีผู้ปกครองเป็นประชาชนที่ได้รับการแต่งตั้งจากกลุ่มเจ้าลิจฉวีอีกทีหนึ่ง นิคมเหล่านี้เป็นเสมือนรัฐกันชนให้กับแคว้นวัชชี
นครแต่ละแห่งในกำแพงทั้ง ๓ ชั้น มีคณะปกครองฝ่ายบริหารซึ่งเป็นกลุ่มเจ้าลิจฉวีทั้ง ๘ ราชตระกูล รวม ๔ ตำแหน่ง ประกอบด้วย
สามันตราช (สามนต์)
๑ พระองค์
อุปราช
๑ พระองค์
เสนาบดี (ขุนนางฝ่ายการทหาร)
๑ ท่าน
ภัณฑาคาริก (ขุนคลัง)
๑ ท่าน
ทุกนครในแคว้นวัชชีจึงมีกลุ่มเจ้าลิจฉวีทั้ง ๘ ราชตระกูลที่ดำรงตำแหน่งเป็นคณะปกครองฝ่ายบริหารทั้งสิ้น ๗,๗๐๗ คณะ
นครทั้ง ๗,๗๐๗ ของแคว้นวัชชี มีการจัดวางผังเมืองและสิ่งปลูกสร้างที่เหมือนๆ กันหมด ประกอบด้วย
ปราสาท
๑ หลัง
เรือนยอด
๑ หลัง
อาราม (สวนดอกไม้)
๑ แห่ง
สระโบกขรณี (สระบัว)
๑ สระ
ทั่วทั้งแคว้นวัชชีจึงมี ปราสาท เรือนยอด อาราม (สวนดอกไม้) สระโบกขรณี (สระบัว) รวมกันทั้งสิ้นอย่างละ ๗,๗๐๗ แห่ง
ทุกๆ ปีกลุ่มเจ้าลิจฉวีที่ดำรงตำแหน่งเป็นคณะปกครองฝ่ายบริหารทั้งหมด คือ สามันตราช อุปราช เสนาบดี ภัณฑาคาริก จาก ๗,๗๐๗ นครทั่วแคว้นวัชชีจะมาร่วมประชุมใหญ่ที่สัณฐาคาร (สภา) ในกรุงเวสาลีอันเป็นนครหลวง เพื่อลงมติเลือกเอา ๑ ในเจ้าลิจฉวีฝ่ายบริหารที่มีความเหมาะสมที่สุดจากทั้ง ๗,๗๐๗ นคร ขึ้นมารับตำแหน่งเป็น ราชาธิราช (ราชาเหนือราชา) ของแคว้นวัชชี ซึ่งผู้เข้ารับตำแหน่งราชาธิราช จะต้องผ่านพิธิอภิเษกแต่งตั้งด้วยน้ำจากสระศักดิ์สิทธิ์ประจำแคว้นวัชชี