ฉี่บ่อย..เสี่ยงโรค..??
ใครเคยเป็นบ้างปัสสาวะแล้วปัสสาวะอีก ปัสสาวะบ่อยจัง ปกติแล้วในคนที่แข็งแรงดีในช่วงกลางวันจะปัสสาวะประมาณ 3-5 ครั้ง/วัน ส่วนในช่วงกลางคืนจะปัสสาวะประมาณ 1-2 ครั้ง แต่ไม่ใช่เกณฑ์ตายตัวเพราะในแต่ละคนจำนวนปัสสาวะก็ไม่เท่ากันและขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่างด้วย เช่น บางคนดื่มน้มาก ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หรือรับประทานยาบางประเภทก็จะมีผลต่อการปัสสาวะ
แต่หากสังเกตว่าตัวเองปัสสาวะบ่อยผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ ต้องระวังว่าจะเป็นสัญญาณเตือนสุขภาพหรือมีโรคต่างๆ แฝงอยู่
ปัสสาวะบ่อย เป็นโรคใดบ้าง??
1.โรคเบาหวาน
เมื่อน้ำตาลในร่างกายสูงขึ้น ร่างกายจะพยายามขับน้ำตาลออก โดยขับออกทางปัสสาวะ ทำให้อยากปัสสาวะบ่อย บวกกับเมื่อน้ำตาลในร่างกายสูงจะทำให้กระหายน้ำดื่มน้ำบ่อย จึงมีอาการปัสสาวะบ่อย ให้สังเกต 2 อาการนี้ คือ กระหายน้ำบ่อย และปัสสาวะบ่อย หากปัสสาวะออกมาแล้วมีมดมาตอมด้วยอาจสงสัยว่าอาจเป็นเบาหวานได้
วิธีคัดกรองโรคเบาหวานเบื้องต้นง่ายๆ ก็คือการเจาะน้ำตาลปลายนิ้ว สามารถเจาะได้ที่คลีนิคหรืออนามัยใกล้บ้าน ก่อนจะไปเจาะน้ำตาลปลายนิ้วให้งดน้ำ งดอาหารอย่างน้อย 8 ชม. ถ้าเจาะแล้วค่าน้ำตาลปลายนิ้วหรือ DTX>126 mg/dl (ค่าน้ำตาลปลายนิ้วหรือดีทีเอ็กซ์ มากกว่า 126 มิลลิกรัม/เดซิลิตร) มีความเสี่ยงเป็นเบาหวาน ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียด
2.ไตเสื่อม เนื่องจากไตทำหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์ ระบบคัดกรองเสื่อมประสิทธิภาพทำให้น้ำในร่างกายอาจตกหล่นมาที่กระเพาะปัสสาวะมากกว่าปกติ โดยในผู้ป่วยไตเสื่อมมักมีค่าความดันโลหิตที่สูงด้วย ให้ลองสังเกตดูถ้ามีอาการปัสสาวะบ่อยผิดปกติบวกกับความดันโลหิตที่สูง ควรไปพบแพทย์
การตรวจหาค่าความผิดปกติของไต แพทย์มักจะหาค่าเลือด 3 ตัว คือ BUN และ Cr คือค่าของเสียในร่างกายที่เกิดจากไตไม่สามารถขับออกได้ ค่า BUN ปกติ = 10-20 mg/dl ส่วนค่า Cr ปกติ = 0.5-1.2 mg/dl หากค่าBUN และ Cr มากกว่าเกณฑ์ปกติยิ่งค่าสูงยิ่งแสดงว่าไตเสื่อมมาก ส่วน eGFR คือ ค่าการกรองของไต ส่วนใหญ่แล้ว eGFR ปกติ = 125 ml/นาที แต่ถ้าอัตราการกรองของไตเสียลง จะทำให้ค่า eGFR ยิ่งน้อยลง นั่นแสดงว่าไตเสื่อมไม่สามารถทำหน้าที่การกรองของเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.โรคนิ่วในไต เท่ากับว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในไต ทำให้เกิดอาการระคายเคืองในทางเดินปัสสาวะ ทำให้รู้สึกอยากปัสสาวะบ่อยขึ้น และอาจร่วมกับมีอาการปัสสาวะขัด ปัสสาวะเป็นเลือด มีไข้ ปวดบริเวณสีข้างโดยปวดแบบทันทีทันใด ที่เรียกว่า ลีนอลโคลิค ร่วมด้วยยิ่งต้องสงสัยว่าเป็นนิ่วในไต
4.โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ คือ มีการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ จะมีอาการปัสสาวะกระปริบกระปรอย ปัสสาวแสบขัด ปัสสาวะไม่สุด ทำให้มีอาการอยากปัสสาวะบ่อย ร่วมกับมีอาการปวดท้องน้อย มีไข้ ปวดแสบขณะปัสสาวะ ปัสสาวะมีสีขุ่นหรือมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ บางรายที่อาการมากอาจมีเลือดออกมากับปัสสาวะ มีไข้สูงหนาวสั่น
5.โรคต่อมลูกหมากโต เมื่อต่อมลูกหมากโตจึงไปกดเบียดในท่อทางเดินปัสสาวะ มักพบในชายที่สูงอายุ ทำให้ปัสสาวะเดินทางลำบากระบายออกไม่สะดวก ปัสสาวะขัดลำกล้อง ต้องเบ่งขณะปัสสาวะ ปัสสาวะกระปริบกระปรอยทำให้รู้สึกอยากปัสสาวะบ่อย หากทิ้งไว้และอาการหนักอาจอุดตันและไม่สามารขับถ่ายปัสสาวะได้ตามธรรมชาติ ต้องคาสายสวนปัสสาวะเพื่อระบายปัสสาวะ
6.โรคเกี่ยวกับระบบประสาท เมื่อระบบประสาททำหน้าที่ควบคุมกระเพาะปัสสาวะเสื่อมลง ทำให้มีอาการปัสสาวะบ่อยมากขึ้น หรือปัสสาวะไม่สุด กระปริบกระปรอยหรือรุนแรงมากจนถึงขั้นควบคุมการขับถ่ายไม่ได้
7.กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะเสื่อม หรือมีภาวะกระบังลมหย่อน โดยมักเกิดในผู้สูงอายุหรือวัยกลางคนที่ทำงานหนัก เช่น ยกของหนักบ่อยๆ หรือหญิงที่คลอดบุตรหลายคนวิธีธรรมชาติเพราะต้องใช้แรงเบ่งมาก ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะเสื่อมประสิทธิภาพในการหดรัดตัว ความยืดหยุ่นเสียไป หรือกระเพาะปัสสาวะโดนเบียดโดนกดทับทำให้รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อย และมักมีอาการปัสสาวะเล็ดเมื่อไอ จามหรือเคลื่อนไหวร่างกายมากๆ
ขอขอบคุณ พยาบาลแม่จ๋า
https://www.youtube.com/watch?v=uHyIVUfGOrQ