หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ออฟฟิศซินโดรม ภัยร้ายของคนทำงาน

เนื้อหาโดย อักษราลัย

ออฟฟิศซินโดรม ภัยร้ายของคนทำงาน

โดย : อักษราลัย

 

        ออฟฟิศซินโดรม คุณเป็นอยู่หรือไม่  ในปัจจุบันการใช้คอมพิวเตอร์ถือเป็นเรื่องปกติของคนทุกเพศทุกวัย  แต่สำหรับคนทำงานนั้นการใช้คอมพิวเตอร์ถือเป็นกิจวัตรหลักในแต่ละวัน ยิ่งใช้เวลากับหน้าจอคอมพิวเตอร์มากเท่าไหร่  อาจมีอาการของโรคตามมาได้มากเท่านั้น  โดยเฉพาะอาการออฟฟิศซินโดรมที่เกือบทุกคนจะต้องมีอาการ  วันนี้จะมานำเสนอเรื่องราวของโรคนี้ให้ได้ทราบกันค่ะ

 

        ปัจจุบันเราสามารถหาข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วฉับไวเพียงแค่คลิกเมาส์เท่านั้น ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ จะปรากฏมายังหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทําให้ไม่ต้องออกแรงเดินไปไหนให้เมื่อย แต่ความสะดวกสบายนี้ก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะทางร่างกายทําให้มีอาการปวดในบริเวณต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไหล่ คอ หลัง สะบัก ข้อมือ กระบอกตา หรือมีอาการ ชามือและเท้า ซึ่งเหล่านี้คืออาการของ “ออฟฟิศ ซินโดรม”

 

        ออฟฟิศซินโดรม(Office Syndrome) เป็นกลุ่มอาการที่มักพบในกลุ่มคนวัยเรียนและวัยทํางานที่ต้องเผชิญกับความเครียดและความกดดันต่าง ๆ มากมาย ทั้งจากสภาพแวดล้อมและภาวะงานที่เร่งรัดทําให้ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน มีสาเหตุใหญ่ ๆ 2 ประการ คือ การดําเนินชีวิตที่ผิดไปจากวิถีธรรมชาติ เช่น การทํากิจกรรมใดซ้ำเดิมนาน ๆ เป็นเหตุให้กล้ามเนื้อหดหรือเกร็งตัวค้างจนบาดเจ็บสะสม หรือจากพฤติกรรมกินอาหารที่ไม่เหมาะสม

        และสาเหตุอีกประการหนึ่งคือความเครียดหรือความวิตกกังวลซึ่งจะสะสมอยู่ในกล้ามเนื้อและจะแสดงออกมาด้วยอาการปวดเกร็งบริเวณบ่า คอ หลังและศีรษะ บางรายที่เครียดลงกระเพาะอาหารอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย หรือเป็นโรคกระเพาะอาหารได้ เพราะความเครียดจะไปกระตุ้นให้กระเพาะอาหารให้หลั่งกรดออกมามากกว่าปกติ นอกจากอาการจุกจิกกวนใจข้างต้นแล้ว  ออฟฟิศซินโดรมยังเป็นสัญญาณเตือนถึงโรคร้ายอื่น ๆ ที่จะตามมาด้วย ทั้งกระเพาะอาหารอักเสบ กรดไหลย้อน ความดันโลหิตสูง หัวใจ ไมเกรน และหอบหืด

 

        ดังนั้น ก่อนที่จะสายเกินไปเรามาเรียนรู้สาเหตุของอาการออฟฟิศซินโดรมต่าง ๆ เพื่อจะได้แก้ไขได้อย่างตรงจุดกันดีกว่า

 

โรคออฟฟิศซินโดรมเกิดขึ้นได้อย่างไร

        ส่วนใหญ่โรคนี้เกิดจากการนั่งทํางาน ไม่ถูกท่า คือ นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ในท่าหลังค่อม ตัวโน้มไปข้างหน้า มือวางคว่ำไว้บนแป้นพิมพ์ ซึ่งทําให้แขนบิดคว่ำตาม ถ้าแป้นพิมพ์อยู่สูงกว่าปกติยิ่งทําให้ต้องยกและห่อไหล่เข้าหากัน เมื่ออยู่ในท่านี้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน กล้ามเนื้อที่พยุงตัวและกระดูกจะต้องหดเกร็งอยู่ในท่าเดิมทําให้เกิดอาการเมื่อยล้าจนกระทั่งกล้ามเนื้อทนไม่ไหวส่งผลให้มีอาการเจ็บตามกล้ามเนื้อขึ้นมา หรือที่เรียกว่าอาการปลายประสาทอักเสบ โดยมักมีสัญญาณเริ่มต้นอย่างอาการมือชา เอ็นอักเสบ นิ้วล็อก ไปจนถึงการอักเสบของปลอกหุ้มเอ็นข้อมือ เส้นเอ็นนิ้วมือ เพราะกล้ามเนื้อไปกดทับเส้นประสาทและเส้นเอ็นจนอักเสบ เกิดพังผืดยึดจับบริเวณนั้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ปวดปลายประสาท นิ้วล็อก หรือข้อมือล็อกได้

 

เป็นแล้วทำอย่างไร

        สำหรับคนที่ป้องกันไม่ทัน เป็นไปแล้ว วิธีการรักษารักษาระยะสั้นจะเป็นไปตามอาการคือ หากปวดเมื่อยก็ให้ยาบรรเทาอาการปวด เช่น ยาแก้ปวด ยาคลายเส้น ยาแก้อักเสบ แพทย์ทางด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู จะแนะนำให้ทำกายภาพบำบัด แต่การรักษาแบบนี้ก็เป็นเพียงการบรรเทาอาการเท่านั้น โรคนี้จะไม่หายขาดตราบใดที่เรายังใช้งานร่างกายอย่างหนัก

 

วิธีช่วยรักษาระยะยาว

        สิ่งสำคัญของการป้องกันโรคออฟฟิศ ซินโดรม อีกอย่างคือ การเปลี่ยนทัศนคติของตัวเอง ให้เป็นคนไม่เครียด และมองโลกในแง่ดีเสมอ เพราะแม้จะยังไม่มีผลงานวิจัยรายงานที่แน่นอน แต่จากการทำงานรักษาผู้ป่วยโรคออฟฟิศซินโดรมมากว่า 20 ปี พบว่าคนไข้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ค่อนข้างเครียด หรือมีปัญหาที่ทำงาน ปัญหาทางบ้าน แทบทั้งสิ้น ซึ่งความเครียดไม่ได้ส่งผลแค่กับโรคนี้เท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่งโรคร้ายอีกหลายโรค

 

        ดังนั้น การป้องกันไม่ให้ป่วยเป็นโรคปลายประสาทอักเสบจึงต้องแก้กันที่พฤติกรรมโดยรวมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายป็นประจำ และเปลี่ยนอิริยาบถขณะนั่งทำงานทุกชั่วโมง ไม่นั่งติดโต๊ะนานจนเกินไป

หรือถ้าให้ดีควรให้ร่างกายได้รับวิตามินบี 1 วิตามินบี 6  และวิตามินบี 12 ในปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการบำรุงระบบประสาท มีส่วนช่วยในการให้พลังงานเซลล์ประสาท สร้างสื่อประสาท และช่วยซ่อมแซมเส้นประสาท ซึ่งจะส่งผลต่อการลดอาการชาปลายมือปลายเท้า รวมถึงอาการปวดร้าว แสบ แปล็บ และเจ็บจี๊ด โดยจากการศึกษาต่าง ๆ พบว่า วิตามินบี 1 วิตามินบี 6 และวิตามินบี 12 ร่วมกันทั้งสามชนิดจะให้ประสิทธิภาพในการรักษาโรคปลายประสาทอักเสบที่ดีกว่าวิตามินบีแบบตัวเดียว

 

ตรวจสอบร่างกาย ระวังภัย ก่อนเข้าข่าย “ออฟฟิศซินโดรม”

        แม้เราจะป้องกันตัวเองในเบื้องต้น แต่หากเกิดอาการขึ้นมาแล้วออฟฟิศซินโดรมก็ ไม่ใช่แค่โรคธรรมดาที่กินยานอนพักแล้วหาย แต่เป็นอาการของโรคที่อาจส่งผลร้ายในระยะยาวกับร่างกาย จากพฤติกรรมที่คุณเองเป็นคนสร้าง ฉะนั้นถ้าอยากห่างไกลจากออฟฟิศซินโดรม ก็อย่าลืมดูแล และป้องกันตนเองตั้งแต่เนิ่น ๆ

อย่าชะล่าใจจนแล้วปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ เพราะอาจลุกลามจนกลายเป็นอาการปวดเรื้อรัง รวมไปถึงอาการชาที่บริเวณแขนหรือมือ จากการที่เส้นประสาทส่วนปลายถูกกดทับอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดออฟฟิศซินโดรมได้

        ทางที่ดีหากใครพบอาการผิดปกติที่เสี่ยงต่อการเกิดออฟฟิศซินโดรมและอาจลุกลามไปสู่การเกิดโรคปลายประสาทอักเสบ ควรได้รับการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เมื่อพบอาการผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาทันที หรือหากว่าการอักเสบของเส้นประสาทบางตำแหน่งมีสาเหตุมาจากการขาดวิตามินบางชนิด ควรได้รับการแก้ไขด้วยการรับวิตามินเสริมอย่างเพียงพอ ก็อาจทำให้หายจากอาการและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับเส้นประสาท ทำให้มีโอกาสหายเป็นปกติได้มากขึ้นอีกด้วย ทำให้คุณใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข สุขภาพดี ห่างไกลโรคนั่นเอง

 

วิธีป้องกัน 

        ควรเลือกโต๊ะทำงานให้มีระดับพอดีกับข้อศอก เพื่อที่จะสามารถพิมพ์แป้นคีย์บอร์ดได้อย่างถนัด รวมถึงที่แป้นคีย์บอร์ด ควรมีที่รองรับข้อมือไม่ให้ข้อมือกระดกบ่อย ๆ และควรจัดสภาพโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อความสะดวกในการหยิบจับสิ่งของต่าง ๆ โดยไม่เมื่อย

 

อิริยาบถที่เสี่ยงเกิดโรคในกลุ่มออฟฟิศ ซินโดรม

 

* นั่งไขว้ห้าง เป็นระยะเวลานาน ๆ

* นั่งกอดอกนาน ๆ เพราะจะทำให้ปวดที่หัวไหล่ได้

* การนั่งหลังค่อม

* นั่งเก้าอี้ไม่เต็มก้น หรือนั่งครึ่งก้น เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อเกร็ง ไม่สมดุล

* การยืนโดยทิ้งน้ำหนักไปที่เท้าข้างใดข้างหนึ่งเพียงข้างเดียว

* การใส่รองเท้าส้นสูงมาก ๆ ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน

* การสะพายกระเป๋าหนัก หรือหิ้วของหนักบ่อย ๆ

* นอนตัวเอียง นั่นคือ นอนขดนาน ๆ

 

        จะเห็นว่าพฤติกรรมบางอย่างเป็นท่าทางที่เราทำกันเป็นประจำจนคุ้นชิน ทำจนเป็นนิสัย โดยไม่รู้เลยสักนิดว่าจะนำภัยร้ายที่ส่งผลเสียต่อร่างกายมาให้อย่างไม่น่าเชื่อ คงถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมท่าทางในการนั่งทำงาน การละเว้นการนั่งไขว่ห้าง การกอดอก การใส่รองเท้าส้นสูง ฯลฯ  ปรับพฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ดีของร่างกายกันเสียแต่วันนี้ ก่อนที่จะเสียใจในภายหลังกันนะคะ

        <<-------------->>

เนื้อหาโดย: อักษราลัย
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
อักษราลัย's profile


โพสท์โดย: อักษราลัย
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
สเปกหนูรัตน์ ชอบรวย หล่อแบบเกาหลีซูเปอร์สตาร์ที่ไม่มีงานแสดง แต่เป็นเศรษฐีระดับพันล้านลิงเหิมเกริมหนัก แม้แต่พระยังโดน5 สิ่งที่คุณมีอยู่แล้วน่าอิจฉาแต่คุณอาจไม่รู้ตัว
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
สเปกหนูรัตน์ ชอบรวย หล่อแบบเกาหลีซูเปอร์สตาร์ที่ไม่มีงานแสดง แต่เป็นเศรษฐีระดับพันล้านครูไพบูลย์ เจ้าของฉายากงยูเมืองไทย อวดหล่อโชว์ซิกแพก กล้ามแน่น ทำเอาสาวแห่กรี๊ด!!"บีม ศรัณยู" ลั่น! ต่อไปนี้จะไม่มี "บีม พลังใบ"..เพราะจะเลิกกัญชาอย่างถาวร
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
ฮ่องกงเอาจริง " ห้ามใช้ภาชนะพลาสติก " ชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง7 วิธี หารายได้เสริมของพนักงานประจำจากสุสานหลวงสู่กาดหลวงตลาดวโรรส5.อาหารที่ทำให้มีลูกง่าย
ตั้งกระทู้ใหม่