กงกรรม
กรรมนั้นใครคือคนลิขิต...สวรรค์เบื้องบน หรือจากการกระทำของตัวเอง หลายครั้งหลายหนที่เราเห็นชีวิตความเป็นไปของคนรอบข้างแบบไม่น่าเชื่อว่าชีวิตที่เคยสวยสดงดงาม จะลงเลยพลิกไปอีกแบบได้อย่างน่าประหลาดใจ นั่นเป็นเพราะกรรมเก่าจากอดีตชาติ กรรมใหม่จากการกระทำของตัวเอง หรือเพราะอะไร แล้วคุณล่ะเชื่อว่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดกับชีวิตของแต่ละคนนั้นเกิดจากอะไร?
... อักษราลัย ...
กงกรรม
“โอ้...ชายพิการอัมพฤกษ์ครึ่งซีกที่กำลังเดินกะโผลกกะเผลก ขายหมูหวานอยู่ข้างถนน เป็นน้าของชมเหรอ”
“ใช่ค่ะพี่...เป็นน้องชายของแม่”
ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเคยแข็งแรงขนาดเป็นนักมวยอาชีพ ตอนนี้ผอมกะหร่องแทบเห็นซี่โครงทุกซี่
ผู้ชายคนนี้ครั้งหนึ่งเคยหล่อเหลาระดับพระเอกแซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี ตอนนี้ไม่เหลือเค้าความหล่อเลย ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น ดวงตาฝ้าเทาที่ไม่หลงเหลือประกายความหวังใดไว้หล่อเลี้ยงหัวใจข้างใน
ผู้ชายคนนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นปลัดอบต. สอบเข้าด้วยตัวเอง ไม่มีเส้นสายใดใด ได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่ง เรียนไม่จบแม้กระทั่งชั้นประถมศึกษา ต้องไปจ่ายเงินใต้โต๊ะให้ครูในหมู่บ้านเพื่อขอใบจบ และเอาไปเรียนกศน. จบกศนก็เรียนต่อมสธ. รัฐประศาสนศาสตร์ แล้วก็ไปสอบปลัดอบต.
ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นอะไรหลายอย่างที่ยิ่งใหญ่พอตัว ตอนนี้เป็นเพียงแค่ชายแก่พิการไร้ลูกหลานดูแลคนหนึ่งเท่านั้น ต้องเดินขายหมูหวาน หมูหยอง หมูแผ่นเลี้ยงตัวเอง เป็นที่เวทนาแก่ผู้คนที่พบเห็น
“น้าสวยไปเอาผัวฝรั่งแล้ว ไปอยู่ออสเตรเลีย เอาลูกสองคนไปด้วย ทิ้งแกไว้คนเดียว”
น้าทองเริ่มอาชีพนักมวยตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มน้อยเพราะไม่ชอบการเรียนหนังสือ เรียนไม่จบแม้กระทั่งระดับประถมศึกษา มีชื่อเสียงพอสมควร ขนาดมีรูปในนิตยสารมวยสมัยนั้น ว่ากันว่าเป็นนักมวยที่หล่อที่สุด ต่อมาไม่นานก็แต่งงานอยู่กินกับสาวนางหนึ่ง มีลูกด้วยกันเป็นชายหนึ่งคน เลิกร้างกันไปด้วยเหตุผลกลใดฉันไม่รู้เพราะว่าฉันยังเด็กอยู่ชั้นประถมต้น ต่อมาน้าก็ยึดอาชีพขายผ้าตามบ้าน สิ่งที่ขายก็เป็นพวกผ้าห่ม ปลอกหมอน มุ้ง ไม่นานก็แต่งงานกับแม่ม่ายลูกติดคนหนึ่ง มีลูกด้วยกันเป็นชายหนึ่งคน น้ามุ่งมั่นเรียนจนจบมธส. และจนสอบได้ปลัดอบต.
น้าเห่อตำแหน่งนี้มาก ขนาดเราไปเข้าค่ายอบรมคริสเตียน น้ายังแต่งชุดมาเต็มยศเลย ใคร ๆ ก็รู้ว่าใส่มาเพื่ออวดเพราะงานนี้เขาจัดวันเสาร์อาทิตย์
“หา...อะไรนะ น้าทองเส้นเลือดในสมองแตก”
“น้าทองโกงเงินอบต.ชาวบ้านกำลังรวมตัวกันประท้วง แกคงคิดมาก หาทางออกไม่ได้ เลยฟุบตอนที่นั่งทำงานอยู่ ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในจังหวัดบุรีรัมย์ และจะย้ายมาโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานีเร็ว ๆ นี้”
แม่บอกฉันด้วยเสียงเศร้าสร้อย น้องชายคนนี้แม่รักมาก
พอน้าย้ายมาที่โรงพยาบาลศูนย์ ฉันได้รับมอบหมายให้เป็นคนดูแลน้า ฉันต้องไปอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย ฉันก็ไปด้วยความเต็มใจนะ ยังแอบแปลกใจว่าทำไมฉันถึงยอม ฉันควรจะโกรธเกลียดแกสิถึงจะถูก เพราะแกทำลายอนาคตทางการศึกษาของฉันย่อยยับด้วยความจงใจ
ส่วนภรรยาของเขาไม่เคยมาใยดี กำลังยุ่งกับการไปนัดเดทกับฝรั่ง และกำลังวิ่งเต้นเพื่อเอาเงินหลวง
น้าขยับตัวได้ แต่ไม่สามารถเดินเหินไปไหนได้ เวลาต้องการถ่ายเบาฉันก็ต้องเอาที่สำหรับการนั้นมาให้ เวลาถ่ายหนักน้าจะยกก้นขึ้น ฉันต้องเอาถาดอึไปรองก้น เสร็จแล้วต้องเอาไปทำความสะอาดให้เรียบร้อย ฉันก็ทำแบบไม่รังเกียจ การเช็ดตัวก็ต้องทำเช้าเย็น
ครั้งแรกฉันโดนพี่พยาบาลว่า ตอนที่ต้องทำความสะอาดอวัยวะส่วนนั้น
“เมียเขาอยู่ไหน...ทำไมไม่ให้เมียเขาทำ ตัวเองเป็นเพียงหลาน มันน่าเกลียด”
ฉันกำลังจะอ้าปากอธิบาย คุณพยาบาลก็เดินฉับ ๆ ไปแล้ว
พอหมออนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ น้าก็ต้องมาอยู่บ้านฉัน มาอยู่ในความดูแลของฉันอยู่ดี
ตอนฉันจะขึ้นมัธยมศึกษาปีที่หก น้าทองและภรรยามาโน้มน้าวฉันให้ย้ายไปเรียนปีสุดท้ายที่บุรีรัมย์ สัญญากับฉันว่าฉันจะได้เรียนต่อในสาขาที่อยากเรียนแน่นอน เพราะมีทุนการศึกษาให้จนจบปริญญาตรี แต่พอฉันจบมัธยมศึกษาแล้ว พวกเขาก็ตัดหางฉันปล่อยวัด ฉันเคว้งคว้างเป็นที่สุด เพิ่งมารู้ตัวว่าฉันถูกหลอก
ฉันได้ทุนการศึกษามาตลอดตั้งแต่มัธยมศึกษาปีที่หนึ่งเทอมสอง ทุนนี้มาจากประเทศญี่ปุ่น “ทุนฮ็อคไกโด” เป็นทุนสำหรับเด็กเรียนดีแต่ยากจน ทุนนี้ครอบคลุมค่าเทอม ค่าชุดนักเรียนและค่าอุปกรณ์การเรียน แต่ไม่ได้ครอบคลุมค่าอาหารด้วย ฉันจึงไม่เคยได้กินอาหารกลางวัน เพราะฉันเป็นลูกชัง แม่ไม่เคยหยิบยื่นค่าอาหารกลางวันให้ฉัน พี่สาวกับน้องชายเท่านั้นที่ได้
แม่บอกฉันเสมอว่าพอจบมัธยมศึกษาปีที่หกแล้วคือจบกัน ฉันจะไม่ได้เรียนต่อ พอน้าทองและภรรยามายื่นข้อเสนอแบบนี้ ฉันก็เลยคล้อยตาม โดยหารู้ไม่ว่าถ้าฉันไม่ย้ายไป ฉันก็จะได้เรียนต่ออย่างแน่นอนเพราะปีนั้นเป็นปีแรกที่มีทุนกยศ.ให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
เหตุผลเรื่องการจะได้เรียนต่อไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ฉันตัดสินใจย้ายไปบุรีรัมย์ อีกเหตุผลหนึ่งคือฉันไม่คุยกับแม่มาเป็นเดือนแล้ว สืบเนื่องมาจากวันสอบปลายภาคฉันต้องการอ่านหนังสือสอบ บ้านเรามีหลอดไฟอยู่กลางบ้านแค่หลอดเดียว แม่ต้องการให้ฉันปิดไฟนอน แต่ฉันขอร้องแม่ว่าฉันต้องอ่านหนังสือสอบ หรือไม่อย่างนั้นฉันก็ขอเงินไปซื้อโคมไฟอ่านหนังสือ แม่ก็ไม่ให้มีสอบสามวันติดกัน วันละหลายวิชา ถ้าฉันไม่อ่านฉันจะสอบได้ที่หนึ่งเหมือนที่เคยเป็นมาได้อย่างไร และถ้าผลการเรียนฉันตก ฉันก็เสี่ยงที่จะถูกตัดออกจากทุน เพราะนี่เป็นเงื่อนไขของการได้รับทุนต่อเนื่อง
แม่ลุกมาปิดไฟ ฉันก็ลุกไปเปิด แม่ก็เลยฟาดฉันด้วยด้ามไม้กวาดเขียวน่วมไปทั้งตัว ตอนเช้าเกือบลากสังขารไปสอบไม่ได้ แต่ฉันก็ไปทั้งที่เนื้อตัวเขียวช้ำตาแดงก่ำนั่นแหละ ผลสอบออกมาฉันก็ได้ที่หนึ่งเหมือนเคย
พวกเขามาหลอกให้ฉันไปเรียนด้วยเพราะพวกเขาต้องการค่าหัว และต้องการทำลายอนาคตฉัน
“อีโง่...พวกกูหลอกให้มึงมาเพื่อเอาค่าหัว และเพื่อทำลายอนาคตมึง ยังไม่รู้ตัวอีก จบมอหกแล้วนี่ ไสหัวไปไกล ๆ เลย หมดประโยชน์แล้ว”
น้าทองแผดเสียงใส่ฉัน ในวันที่ฉันไปทวงสัญญา น้าสะใภ้ก็มองมาอย่างสะใจ พวกเขากำลังนอนกอดกันกลมบนที่นอน ในขณะที่ฉันทรุดลงไปกองกับพื้น น้ำตาไหลเป็นทางอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ แม้จะบอกตัวเองว่าไม่ควรแสดงความอ่อนแอออกไป
พวกเขาทำงานให้กับมิชชันนารีคณะหนึ่ง มีการเช่าบ้านหลังขนาดใหญ่ คัดสรรเด็กในอำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ที่เรียนดีแต่ยากจนมาอยู่รวมกัน มีชื่อโครงการว่า “สตรีผู้มีนิมิตร”
วันที่ฉันไปเด็กอยู่ที่นั่นแล้วสิบสองคน เป็นเด็กหญิงทั้งหมด กำลังเรียนอยู่มัธยมศึกษาปีที่สองสิบเอ็ดคน ปีที่สี่หนึ่งคน ฉันเป็นคนที่สิบสาม
ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเราลำบากมาก เพราะสองสามีภรรยาอมค่าอาหารเข้ากระเป๋าตัวเอง และใช้พวกเราทำงานเยี่ยงคนรับใช้
“พระเจ้าอวยพรแม่เหลือเกิน มีคนรับใช้ตั้งสิบสามคน”
พวกเราต้องไปหาเก็บผักแถวนั้นมาทำอาหาร เคยทำข้าวผัดใส่แต่ซีอิ๊วก็มีมาแล้ว มีเด็กสามคนไปรับจ้างขายอาหารช่วยแม่ค้าตอนเย็น พวกเราเลยมักจะได้กินอาหารที่เหลือจากการขายเป็นประจำ แต่ถ้าวันไหนขายดี เราก็อดกันหมด ต้องมาทำน้ำพริกปลาทู ปลาทูหนึ่งเข่ง ทำน้ำพริกให้ทุกคนกินให้อิ่ม ใครไม่อิ่มก็จิ้มน้ำปลาต่อ
อาหารเที่ยงที่โรงเรียนเด็กสิบสองคนได้กินเพราะเขาผูกปิ่นโตกับร้านค้า แต่น้าอมเงินในส่วนของฉันไป ฉันจึงไม่เคยได้กินอาหารกลางวันเลย หนีเสือปะจระเข้จริง ๆ
ตอนนี้น้าคงรู้แล้วล่ะว่าตอนนั้นฉันลำบากยังไง เจ็บปวดแค่ไหน…ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว