กรมโยธาและผังเมือง รับแล้วกรณีการสร้างเขื่อนแก้ไขปัญหากัดเซาะชายฝั่งทุกโครงการผ่านการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากพื้นที่จริงอย่างรอบด้าน- สอดคล้องข้อเท็จจริง
หลังจากที่เป็นการถกเถียงกันมานานว่า การสร้างเขื่อนกั้นคลื่นริมตลิ่ง หรือ ริมชายหาดซึ่งส่งผลกระทบต่อความสวยงามของธรรมชาติ และความไม่สะดวกของนักท่องเที่ยว บดบังทำให้ทัศนีภาพจากท้องทะเลที่ดูสวยมองเห็นคลื่นพัดเข้าชายฝั่ง กลับกลายเป็นเห็น เสาปูนโครงเหล็ก หรือ กองหินโสโครก เขื่อนขั้นบันไดและเมื่อน้ำซัดกัดเซะเรื่อยๆ ก็ทำให้เขื่อนพวกนี้พังลงมาดูไม่น่ามอง และกลายเป็นเศษซากวัสดุเกะกะนักท่องเที่ยวที่จะลงไปเดินเล่นชายหาดต่อไปได้ กรณีนี้ หลายๆ ฝ่ายรวมถึงประชาชนหลายท่านออกมาเรียกร้อง ค่าความเสียหายและความผิดพลาดในการก่อสร้างเหล่านี้กับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นการเข้าใจผิดมาตลอด เพราะทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้การกำกับดูแลของ รัฐมนตรีนายวราวุธ ศิลปอาชา และคณะทำงานได้ต่อต้านและไม่เห็นด้วยกับการสร้างเขื่อนแบบนี้มาตลอด ซึ่งเรื่องดังกล่าวทางกระทรวงทรัพยกรฯ ได้ออกมาชี้แจ้งไปแล้ว ซึ่งเป็นโครงการที่ กรมโยธาและผังเมืองของพื้นที่นั้นๆ เป็นคนกำหนดการก่อสร้างเท่านั้น ซึ่งล่าสุดทางด้าน กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง (ยผ.) ยืนยันการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลทุกโครงการ กำหนดขั้นตอนการปฏิบัติที่เป็นระบบ ทุกกระบวนการยึดหลักวิชาการ ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจข้อมูลพื้นฐานและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมจริงทุกพื้นที่ ภายใต้ส่วนร่วมของทุกภาคส่วน มุ่งประสานประโยชน์โดยรวม บนพื้นฐานที่ไม่เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งสำหรับประชาชนหรือองค์กรเครือข่ายใดที่ต้องการข้อมูลรายงานผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (IEE) ภายใต้โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลพร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์ของกรมโยธาธิการและผังเมือง สามารถติดต่อได้ที่สำนักสนับสนุนและพัฒนาตามผังเมือง (กลุ่มงานพัฒนาพื้นที่ตลิ่งริมแม่น้ำและริมทะเลทั่วประเทศ) หมายเลขโทรศัพท์ 02-299-4720
นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง (ยผ.) ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลในรูปแบบการใช้โครงสร้างทางวิศวกรรม ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลอย่างเป็นระบบโดยกำหนดขั้นตอนการปฏิบัติที่ยึดหลักวิชาการส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจข้อมูลพื้นฐานและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมจริงทุกพื้นที่ บนพื้นฐานการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนเริ่มจากหน่วยงานระดับท้องถิ่นเสนอขอโครงการมายังกรมโยธาธิการและผังเมืองเพื่อคัดเลือกและจัดลำดับความสำคัญตามระดับความรุนแรงซึ่งต้องสอดคล้องกับข้อมูลของกรมทรัพยากรและชายฝั่งทะเล จากนั้นจะว่าจ้างที่ปรึกษาดำเนินการศึกษาและจัดทำรายงานศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (IEE) จากพื้นที่จริงอย่างรอบด้าน เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงพื้นที่ที่สะท้อนสภาพปัญหา สำหรับนำมากำหนดแผนงานและมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม รวมถึงติดตามตรวจสอบเฝ้าระวังผลกระทบในระยะยาวหลังก่อสร้างเสร็จ อีกทั้งกำหนดให้มีการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย๒ ครั้ง เพื่อนำข้อคิดเห็นไปทบทวนปรับปรุงรูปแบบการดำเนินงานที่เหมาะสม สอดคล้องกับศักยภาพและความต้องการใช้ประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่
นายพรพจน์ กล่าวต่อไปว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่า กลุ่ม Save หาดแม่รำพึงบางสะพาน กลุ่ม Beach for life ระบุ รายงานผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมหาดแม่รำพึง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในประเด็นหัวข้อสาธารณสุขเป็นข้อมูลของจังหวัดสงขลา โดยลอกการศึกษาของพื้นที่อื่นมาใส่ในรายงาน ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในพื้นที่นั้น กรมโยธาธิการและผังเมืองได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วขอเรียนชี้แจงว่า โครงการฯ ดังกล่าวได้ดำเนินการว่าจ้างบริษัทเอส ที เอส เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด จัดทำรายงานศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (IEE) ตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 – 2562 ซึ่งได้ดำเนินการส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจข้อมูลพื้นฐาน และศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากพื้นที่จริงในทุกขั้นตอน แต่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนเกิดจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ในการจัดส่งไฟล์รายงานการศึกษาฯ ซึ่งเป็นฉบับ (ร่าง) โดยมิได้ตรวจสอบความถูกต้องให้เรียบร้อยสำหรับรายงานผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมหาดแม่รำพึงฉบับ (จริง) ข้อมูลมีความถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ และสอดคล้องกับข้อเท็จจริงเชิงพื้นที่ทุกประการ ในการนี้กรมโยธาธิการและผังเมือง ต้องขอโทษในความคลาดเคลื่อนดังกล่าวและขอขอบคุณกลุ่ม Save หาดแม่รำพึงบางสะพาน และกลุ่ม Beach for life เป็นอย่างสูงที่ร่วมตรวจสอบรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมหาดแม่รำพึง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งกรมโยธิการและผังเมือง ได้กำหนดจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลพร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่ชายฝั่งทะเลตำบลแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในวันที่ 11 มิถุนายน 2565 เวลา 13.00 น ณ อาคารอเนกประสงค์ ที่ว่าการอําเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จึงขอเชิญชวน กลุ่ม Save หาดแม่รำพึงบางสะพานกลุ่ม Beach for life และองค์กรเครือข่ายต่าง ๆ ที่สนใจเข้าร่วมการประชุมฯ ในวันดังกล่าว เพื่อให้ได้ข้อสรุปรูปแบบโครงการก่อสร้างและแนวทางแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ก่อให้เกิดประโยชน์ในภาพรวม บนพื้นฐานที่ไม่เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง มุ่งเน้นการสร้างความสมดุลของทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ควบคู่กับการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ใช้ประโยชน์ จากพื้นที่ริมชายฝั่งทะเลอย่างเต็มศักยภาพและเท่าเทียมกัน ท้ายนี้ ประชาชนหรือองค์กรเครือข่ายใดที่ต้องการข้อมูลรายงานผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (IEE) ภายใต้โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลพร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์ของกรมโยธาธิการและผังเมือง สามารถติดต่อได้ที่สำนักสนับสนุนและพัฒนาตามผังเมือง (กลุ่มงานพัฒนาพื้นที่ตลิ่งริมแม่น้ำและริมทะเลทั่วประเทศ) หมายเลขโทรศัพท์ 02-299-4720
ดังนั้นสำหรับผู้ที่เข้าใจผิดมาตลอดว่าเป็นการอนุมัติการสร้าง หรือ การกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้สั่งการนั้น เป็นการเข้าใจที่ผิดมาตลอด สำหรับหน้าที่ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีหน้าที่ดูแลทรัพยกรธรรมชาติ ฟื้นฟูแก้ไข ช่วยแก้และจัดการปัญหาต่างๆ ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น สภาวะ อากาศ แหล่งน้ำ ป่าไม้ ทะเล สัตว์ป่า สัตว์น้ำ การลักลอบทำลาย การค้าสัตว์ป่า เป็นต้น โดนมุ่งเน้น การรักษาธรรมชาติให้คงอยู่ไว้กับประเทศไทย ด้วยการกำจัดอะไรก็ตามที่จะมีผลกระทบต่อธรรมชาติของประเทศไทยเราทั้งหมด ่ดังนั้นจึงอยากให้ประชาชนได้เข้าใจและช่วยกันอนุรักษ์รักษาธรรมชาติไว้ให้ลูกหลานเราสืบต่อไป