บ้านเก็บศพ…
คุณมาร์คเล่าให้ฟังว่า… ตอนนั้นเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯใหม่ ๆ มารับจ้างขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แถวพุทธมณฑล ซึ่งตนก็รับป้าแม่บ้านคนหนึ่งมาส่งยังบ้านหลังหรูอีกซอยหนึ่งเป็นประจำ รับส่งได้สักพักตนก็เลยบอกกับคุณป้าคนนั้นว่า สนใจเป็นลูกค้าประจำไหม จะได้มารับมาส่งให้ตลอด ซึ่งคุณป้าก็ตกลง
สำหรับบ้านดังกล่าว เป็นบ้านหลังใหญ่ที่ร่มรื่นมาก มีต้นไม้เต็มไปหมด ส่วนป้าแม่บ้านก็ให้ตนไปรับ-ส่ง ทุกวันพระ ซึ่งตนก็ไม่ถามไถ่ถึงเหตุผล รู้แค่เพียงว่าบ้านหลังนี้มีชายหญิงคู่หนึ่งอาศัยอยู่ เพราะเวลาที่เขาไปรับ-ส่ง ป้าแกทีไร ก็จะเห็นชายหญิงคู่นั้นมักมายืนมองอยู่ตรงหน้าต่างเสมอ ๆ
วันนึงคุณมาร์คนั่งคุยกับเพื่อนวินมอเตอร์ไซค์ด้วยกัน ก็ถามไถ่กันตามปกติว่า แม่บ้านลูกค้าประจำของตนเนี่ย ตนไปส่งเขาที่ไหนบ้าง เมื่อตนบอกไปว่าส่งที่บ้านหรูหลังดังกล่าว เพื่อน ๆ ก็บอกว่าบ้านหลังนี้น่ะ เขาเก็บศพไว้บนบ้าน..!! ส่วนตนก็ไม่เชื่อเพราะบ้านหลังนั้นเหมือนบ้านที่มีคนอยู่ปกติ แถมยังมีแม่บ้านเข้า-ออก ไปทำความสะอาดอีกด้วย
จนกระทั่งวันหนึ่ง…คุณมาร์คก็ไปส่งป้าแม่บ้านบ้านอีกเช่นเคย ทีนี้ป้าแกเกิดวานให้ตนช่วยยกของหน่อย ขอเวลาตนเพียงแป๊บเดียวเท่านั้น..ตนก็เลยเข้าไปช่วย พอเข้าไปในบ้านหลังนั้น ก็พบเฟอร์นิเจอร์หรูหรามากมาย ดูสะอาดเรียบร้อยเหมือนมีคนอยู่ตลอดเวลา แต่แล้วแม่บ้านก็บอกให้ตนช่วยยกของขึ้นชั้นสอง ซึ่งเมื่อยกเสร็จแม่บ้านก็ลงไปหยิบของ โดยบอกกับตนว่า รออยู่ข้างบนแป๊บนึงนะ และอย่าเปิดห้องใดๆเลยน่ะ..เพราะเป็นห้องของเจ้านาย
พอแม่บ้านลงไปปุ๊บ คำที่เพื่อนวินมอเตอร์ไซค์บอกไว้ว่า “บ้านนี้เก็บศพไว้ในบ้าน” ก็ผุดขึ้นมาในหัวปั๊บ..เพราะอยากพิสูจน์ให้เพื่อน ๆ รู้ว่าบ้านนี้มันไม่มีอะไร
แต่พอตนกำลังจะเดินไป ก็เหลือบไปเห็นผู้หญิง-ผู้ชาย คู่หนึ่ง เดินอยู่บริเวณห้องโถงข้าง ๆ และหายเข้าไปอีกห้องหนึ่ง ต่อมาเมื่อตนเห็นว่าผู้หญิง-ผู้ชายคู่นั้นเดินเข้าไปแล้ว ก็ตรงไปยังห้องที่แม่บ้านห้ามเข้าทันที
เมื่อตนบิดลูกบิดดัง…แกร๊ก และผลักประตูเข้าไป ก็พบว่าในห้องนั้นมีเตียงนอนขนาดใหญ่ และตู้เสื้อผ้า เหมือนห้องนอนปกติ แต่เมื่อตนกำลังปิดประตู จู่ ๆ หางตาซ้ายตนก็เหลือบไปเจอ โลงแก้ว…ข้างในบรรจุร่างไร้ลมหายใจของสองชายหญิงที่ตนเห็นเป็นประจำตรงหน้าต่างดังกล่าว ซึ่งศพอยู่ในชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวนอนอยู่ข้างๆกันในโลงนั้น.!!
ตนตกใจมาก แต่ก็โวยวายไม่ได้ เพราะป้าแม่บ้านเตือนแล้วว่าห้ามเปิด ตนจึงค่อย ๆ เดินลงบันไดไป …ด้วยอาการช็อก และกลัวขั้นสุดยืนแทบไม่ไหวมันจะร่วงตกบันไดเลยทีเดียว แล้วพอตนหันไปที่ประตูห้องนั้น ก็เห็นผู้หญิง ผู้ชายดังกล่าว ยืนอยู่หน้าห้องอีก ในสภาพตัวตัวซีด ๆ ตนจึงรีบก้าวลงไปอีกขั้น พอหันมาอีกครั้ง ก็เจอสองคนนั้นยืนอยู่ตรงทางลงบันได..!!
คุณมาร์ค เล่าต่อไปว่า คราวนี้ตนก็สติกระเจิงวิ่งลงบันไดทันที และสวนกับป้าแม่บ้านอย่างไว..ขณะที่ป้าแม่บ้านจับแขนตนเอาไว้ทัน แล้วก็ดุตนว่า บอกว่าแล้วว่าอย่าเปิดๆ เจอเข้าแล้วใช่มั้ย เห็นแล้วเป็นอย่างไงล่ะ..!! แล้วอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครนะ ซึ่งตนก็พยักหน้า ๆ แต่ก็บอกว่า “ป้าไปคุยกันนอกบ้านดีกว่า ตนอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว"
เมื่อออกมานอกบ้าน ตนก็ถามแม่บ้านว่าทำไมเขาถึงเก็บร่างไรวิญญาณของคู่รักไว้ในบ้าน ทำไมไม่ประกอบพิธีทางศาสนา ป้าแม่บ้านก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังว่า…
สามีภรรยาคู่นี้แต่งงานกันใหม่ ๆ และบ้านหลังนี้ก็เป็นเรือนหอของพวกเขา จากนั้นเขาก็ไปฮันนีมูนกัน แต่ขากลับพวกเขาประสบเหตุรถชน ทำให้เสียพร้อมกันทั้งคู่ ซึ่งญาติๆ ของทั้งคู่ทำใจไม่ได้ อีกทั้งครอบครัวฝ่ายชายยังฝันว่า ผู้ชายไม่อยากไปไหน อยากอยู่บ้านหลังนี้ ถึงเวลาก็จะมีคนเข้ามาฉีดศพ มีแม่บ้านผลัดเปลี่ยนมาทำความสะอาดแทบทุกวัน ส่วนตนมีหน้าที่เอากับข้าวมาให้ทุกวันพระ..
ในความเป็นจริง อาจจะยังไม่มีใครระบุแน่นอนว่าเป็นที่ใดกันแน่ บางทีมันอาจเป็นเพียงตำนานเมือง หรือว่าแท้จริงแล้ว เรือนหอคนตายนี้จะไม่ได้มีเพียงแค่หลังเดียว!? อย่างไรก็ตาม นี่คือสุดยอดเรื่องลี้ลับชวนขนหัวลุกที่ยังคงรอคอยการพิสูจน์ จากผู้คนรุ่นแล้วรุ่นเล่า แล้วคุณผู้อ่านล่ะ รู้กันหรือเปล่า ว่าบ้านหลังนี้ จริงๆแล้วมันอยู่ที่ไหนกัน?
https://www.youtube.com/watch?v=zdIs2uH1zKA














