แรงงานไทยใน ไต้หวัน เมาแล้วขับซ้ำค้างจ่ายค่าปรับ ถูกกรมบังคับคดีสั่งหักค่าจ้าง วอนเพื่อนแรงงานไทยระวัง อย่าซ้ำรอยตน
.
โฆษกกรมบังคับคดีแถลงเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า แรงงานไทยรายหนึ่งถูกปรับ 90,000 เหรียญในคดีเมาแล้วขับ แต่ชำระค่าปรับไปแล้วเพียง 25,000 เหรียญ ที่เหลือไม่มีกำลังจะจ่าย ศาลส่งให้กรมบังคับคดีดำเนินการต่อ จึงมีคำสั่งให้นายจ้างหักเงินจากค่าจ้างของแรงงานไทยรายนี้เดือนละ 5,000 เหรียญ เพื่อชำระค่าปรับที่ค้างจ่าย พร้อมเตือนว่า นโยบายลงโทษหนักคดีเมาแล้วขับ ไม่มีการยกเว้น ไม่ว่าจะเป็นคนไต้หวันหรือชาวต่างชาติ
.
นายสมบัติ (นามสมมุติ) เป็นแรงงานไทยที่เดินทางมาทำงานอยู่ในโรงงานผลิตกระจกในไต้หวัน นายสมบัติขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ชวนแฟนสาวซ้อนท้ายไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารไทย ระหว่างนั้นดื่มสุราจนมีอาการเมา จากนั้นขี่มอเตอร์ไซต์ส่งแฟนกลับ ถูกตำรวจเถาหยวนสกัดจับเป่าลม นายสมบัติรู้ตัวว่ามีอาการเมา กลัวจะมีโทษอาญา จึงปฏิเสธเป่าลมวัดแอลกอฮอล์ ตำรวจจับส่งดำเนินคดี ถูกปรับ 90,000 เหรียญ ข้อหาปฏิเสธรับการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของเจ้าพนักงานตำรวจ
.
นายสมบัติไม่มีกำลังจะจ่าย ได้ขอให้ล่ามช่วยยื่นคำร้องต่อศาล ขอแบ่งจ่ายเป็นงวด งวดละ 5,000 เหรียญ ศาลอนุญาตตามคำขอ แต่แรงงานไทยรายนี้ชำระเพียง 5 งวด จากนั้นไม่จ่ายอีกเลย ศาลส่งหมายศาลเตือนหลายครั้งก็ไม่มีผล และไม่มีทรัพย์สินให้ยึดได้ จนกระทั่ง ต้นปี 2565 ได้ส่งเรื่องให้กรมบังคับคดีดำเนินการต่อ
.
นายสมบัติให้การว่า ตนรู้สึกเสียใจมากที่ทำผิดกฎหมาย แต่อยากให้ศาลปรานี เนื่องจากตนต้องการทำงานในไต้หวันต่อไป เพราะยังมีคนที่บ้านต้องเลี้ยงดูอีกหลายคน อย่างไรก็ตาม ตนไม่สามารถชำระค่าปรับที่ค้างจ่ายได้ในครั้งเดียว เพราะทุกวันนี้ ได้รับเงินเดือนเดือนละ 26,000 เหรียญ หลังหักเบี้ยประกันภัยแรงงาน ประกันสุขภาพ ค่าอาหารที่พักและค่าบริการดูแลรายเดือนของบริษัทจัดหางานแล้ว ต้องส่งกลับบ้านไปเลี้ยงครอบครัว เดือนละประมาณ 15,000 เหรียญ จึงขอผ่อนจ่ายโดยยินยอมให้หักจากค่าจ้างเดือนละ 5,000 เหรียญ และนับตั้งแต่เกิดเหตุเป็นต้นมา ตนไม่กล้าดื่มแล้วขับอีก ขณะเดียวกันก็ยินดีนำประสบการณ์ราคาแพงของตนไปแบ่งปันให้เพื่อนร่วมงานในโรงงานและที่รู้จัก เพื่อเตือนให้อย่าเดินซ้ำรอยตนอีก
.
กรมบังคับคดีพิจารณาแล้ว เห็นว่า นายสมบัติมีความสำนึกผิดและไม่มีทรัพย์สินใด ๆ ให้ยึดขาดทอดตลาด จึงอนุญาตให้ผ่อนจ่ายค่าปรับอีกครั้ง คราวนี้มีคำสั่งให้นายจ้างหักเงินค่าจ้างของนายสมบัติเดือนละ 5,000 เหรียญจนกว่าจะชำระค่าปรับค้างจ่ายทั้งหมด













