กกต. ยกคำร้องปม "อุตตม" ลงนามส่ง "สิระ" ลงสมัคร ส.ส. ปี 2562 เหตุอานิสงส์คำสั่งหัวหน้า คสช.
คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. มีมติยกคำร้องกรณี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ขอให้เอาผิด นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ขณะดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ฐานเจตนารับรองการส่ง นายสิระ เจนจาคะ ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2562
โดย กกต.เห็นว่า ในการสมัครรับเลือกตั้งเมื่อปี 2562 มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ที่ 13/2561 เรื่องการดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (เพิ่มเติม) ซึ่งข้อ 4 ให้มีการยกเลิกข้อความในมาตรา 144 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 และใช้ข้อความใหม่ที่มีเนื้อหาไม่ให้นำมาตรา 47-56 ที่กำหนดเกี่ยวกับวิธีการทำไพรมารีโหวต การส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งของพรรคการเมือง การให้หัวหน้าพรรคเป็นผู้ออกหนังสือรับรองการส่งผู้สมัคร มาบังคับใช้กับการสรรหาผู้สมัครในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรก หลัง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มีผลใช้บังคับ และได้กำหนดวิธีการสรรหา การส่งผู้สมัคร ของพรรคการเมืองไว้เป็นการเฉพาะ ดังนั้น การที่นายอุตตม ในฐานะหัวหน้าพรรค ลงนามรับรองการส่งนายสิระ ซึ่งมีลักษณะต้องห้ามใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (10) เนื่องจากเคยต้องคำพิพากษาคดีฉ้อโกง ลงสมัครรับเลือกตั้ง จึงไม่สามารถนำบทโทษ ตามมาตรา 117-120 พ.ร.ป.ว่าด้วยการพรรคการเมือง 2560 ที่กำหนดโทษสูงสุดของหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค หรือผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการสรรหาและการส่งผู้สมัคร ไม่ถูกต้องครบถ้วน ตามที่กฎหมายกำหนดว่าต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี มาเอาผิดได้
อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตที่น่าสนใจว่า กกต.ชุดที่ผ่านๆ มา หากพบว่าผู้สมัครขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง นอกจาก กกต.จะมีมติให้ดำเนินคดีกับผู้สมัครฐานรู้อยู่แล้วว่า ตนเองไม่มีสิทธิสมัคร แต่ยังลงสมัครแล้ว ยังมีมติให้สำนักงานแจ้งความดำเนินคดีกับหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นผู้ลงนามในหนังสือรับรองส่งผู้สมัคร ฐานเป็นผู้สนับสนุนผู้สมัครรับเลือกตั้งให้กระทำความผิดฐานรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง แต่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง และฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน และแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2079/2554 และคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2502/2550 ที่ได้วางบรรทัดฐานไว้ ซึ่งในกรณีนายสิระ ก่อนหน้านี้ กกต.มีมติให้สำนักงาน กกต. แจ้งความดำเนินคดีฐานรู้อยู่แล้วว่าตนมีลักษณะต้องห้ามไม่มีสิทธิสมัครแต่ยังลงสมัคร แต่การพิจารณากรณี นายอุตตม ในฐานะหัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ.ขณะนั้น ลงนามหนังสือรับรองส่งนายสิระ ลงสมัคร สำนักงานกกต.ได้เสนอแนวปฏิบัติของ กกต.ที่ผ่านมา ที่มีมติให้ดำเนินคดีกับหัวหน้าพรรค ในฐานผู้สนับสนุนผู้สมัครกระทำความผิด รวมถึงแนวคำพิพากษาศาลฎีกา ต่อที่ประชุมเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย แต่ กกต. มีมติยกคำร้องด้วยเหตุผลดังกล่าว












