เราจะกลายเป็นความทรงจำในวันหนึ่ง
เราจะกลายเป็นความทรงจำในวันหนึ่ง
/////
คุณเสี่ยวหลงป้าย คลองตัน เป็นเพื่อนกับผมในเฟซบุ้คมานานปี และเพิ่งจากไปด้วยโรคมะเร็งในวัยฉกรรจ์
โดยก่อนจะเสียชีวิตเขาได้ทิ้งหนังสือที่เขาเขียนไว้หนึ่งเล่มชื่อ
"เราจะกลายเป็นความทรงจำในวันหนึ่ง"
ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าเขาเป็นนักเขียน เพราะผมรู้จักเขาในฐานะที่เป็นพ่อครัวที่มีน้ำใจคนหนึ่งเท่านั้นเอง
จะว่าไปแล้วหนังสือเล่มนี้คือสมุดบันทึกของนักแสวงหาความหมายของชีวิตคนหนึ่งอย่างคุณเสี่ยวหลงป้าย ท่ามกลางสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทุกๆวันจากสถานการณ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้
ซึ่งตัวคุณเสี่ยวหลงป้ายรู้ดีกว่าใครว่า
"ความตายนี้แขวนคอทุกก้าวย่าง ตื่นขึ้นมาตอนเช้าได้เห็นหน้าในกระจกถึงรู้ว่าตัวเองยังมีชีวิต"
หนังสือ “เราจะกลายเป็นความทรงจำในวันหนึ่ง” เป็นการรวมเอาถ้อยคำและบทความที่คุณเสี่ยวหลงป้ายบันทึกลงในเฟซบุ้ค เสมือนเป็นไดอารี่
นี่เป็นหนังสือเล่มแรกและเล่มเดียวในชีวิตของคุณเสี่ยวหลงป้าย โดยมีคุณวิทยากร โสวัตร นักเขียนรางวัลนายอินทร์อะวอร์ดจากเรื่องสั้น เรื่อง “ฆาตกร The Murderers” เป็นบรรณาธิการให้
คุณเสี่ยวหลงป้ายเป็นพ่อครัวชาวสุรินทร์ในภัตตาคารห้าดาวแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานครที่สนใจการขีดเขียนบันทึกเรื่องราวต่างๆที่ได้เขาพบเห็น ราวกับเป็นการเฝ้ามองดูชีวิตอย่างละเมียดละไมในช่วงเวลาระหว่างปี 2014-2021 ซึ่งเป็นการเล่าถึงชีวิตของตนเองและของคนรอบข้าง
เขาเล่าถึงความงดงามในชีวิตอย่าง "น้ำใจ" ที่ใครหลายคนอาจมองข้ามไป
รวมทั้งเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของชีวิตรอบตัวที่รวมไปถึงเจ้าแมวโอหังแต่น่ารักที่ชื่อ “ฮัสซัน”
เขาผ่านช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่มีชีวิตชีวาของผู้คนรอบข้าง ก่อนที่การมาถึงของโรคระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ชีวิตหลายคนต้องล่มสลายลงและเปลี่ยนชีวิตของเสี่ยวหลงป้ายไปตลอดกาล เพราะถูกเลิกจ้างอย่างกระทันหัน
คุณเสี่ยวหลงป้ายเป็นหนึ่งในผู้เคราะห์ร้ายที่นอกจากจะตกงานกระทันหันแล้ว เขายังติดเชื้อโควิด-19 พอหายแล้วยังมาเป็นโรคร้ายอย่างโรคมะเร็งต่อ ซึ่งพรากชีวิตของเขาภายในเวลาแค่หนึ่งปีเท่านั้น
การเกิดหนังสือที่มีชื่อว่า "เราจะกลายเป็นความทรงจำในวันหนึ่ง" ของคุณเสี่ยวหลงป้าย ต้องถือว่าไม่ธรรมดาและสั่นสะเทือนความรู้สึกของผมอย่างรุนแรง
เพราะหนังสือเล่มนี้คือหลักฐานยืนยันถึงการดำรงอยู่จริงของบุรุษคนหนึ่งที่ชื่อว่า "เสี่ยวหลงป้าย" ที่เป็นคนธรรมดาแต่มีหัวใจที่อ่อนโยนต่อโลกและสรรพชีวิตรอบตัว
เขาไม่ชิงชังโลก ไม่ชิงชังชีวิต แถมไม่เคยตัดพ้อพร่ำบ่นสาปแช่งโชคชะตาและเคราะห์กรรมที่เขาได้รับ
ตรงกันข้ามเขากลับน้อมรับทุกอย่างที่ "ชีวิต" ประทานให้อย่างเข้มแข็งแม้ขมขื่นอยู่ลึกๆ เพราะความตายได้พรากเอามิตรสหายบางคน รวมทั้งแมวเพื่อนยากอย่างเจ้าฮัสซันไปจากเขาก่อนหน้านี้
โดยที่ตัวเขาเพิ่งตายตามไปติดๆหลังจากนั้นไม่นานเท่านั้นเอง
.......
ตอนที่คุณเสี่ยวหลงป้ายนอนอยู่โรงพยาบาลในช่วงสุดท้ายของชีวิต เขาควรได้พูดสิ่งเหล่านี้ออกมาให้หมดเปลือก อย่างหมดใจ
แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาสนั้น จึงต้องมีใครสักคนพูดให้เขา และพูดแทนเขา ดังต่อไปนี้ ...
“ที่รัก ... พรุ่งนี้ผมจะตาย พรุ่งนี้ผมจะตาย
ผมจะดื่มกินรสชาติของวันนี้อย่างเต็มที่
ผมจะดูโลกให้เต็มตา
และไขว่คว้าวันเวลาที่เหลือน้อยนิดเอาไว้
ผมไม่ลังเลใจอีกแล้วที่จะบอกความในใจของผม ... แก่คุณ
ผมอยากบรรจงจูบคุณที่ผมเฝ้าคะนึงหา
ผมอยากขับรถพาคุณออกไปเที่ยวทะเล
รถที่บรรทุกความฝันในวัยหนุ่มของผมและคุณ
... ความฝันที่เรายังไม่ได้สะสางกัน และทำให้มันเป็นจริง
พรุ่งนี้ผมจะตาย ที่รัก โปรดอย่าร้องไห้
พรุ่งนี้ผมจะตาย ที่รัก โปรดอย่าร้องไห้
จงดื่มกินน้ำหวานของชีวิตต่อไปเถิด
จนกว่าเราจะได้พบกันอีก
จนกว่าเราจะพบกันอีก
ในที่ใดที่หนึ่ง ภพใดภพหนึ่ง ... อย่างแน่นอน"
ขอให้ดวงวิญญาณของคุณเสี่ยวหลงป้าย จงไปสู่สุคติด้วยเทอญ
สุวินัย ภรณวลัย














