ทลายเครือข่ายคิงส์นนทบุรี ยึดทรัพย์กว่า 100 ล้านบาท
พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รองผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.บช.น. สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. เข้าปิดล้อมตรวจค้น 14 จุด 7 จังหวัด ประกอบไปด้วย กรุงเทพมหานคร จ.เชียงราย จ.ตาก จ.มหาสารคาม จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.ชลบุรี และ จ.นนทบุรี เบื้องต้นคุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ ในฐานความผิดสมคบ 4 คน คือ นายวรวัฒน์ จับได้ที่จ.ประจวบคิรีขันธ์ , นายเปี่ยมศักดิ์ ได้ที่ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย , นายสุนันท์ สุตินกาศ จับได้ที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และนางศิริวรรณ จับได้ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก
โดยจุดที่สำคัญ คือการตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ซอยจุฬาเกษม 16/3 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านของนายวรวัฒน์ บ้านดังกล่าวเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นมีรั้วรอบขอบชิด เบื้องต้นเป็นเครือข่ายคิงส์ นนทบุรี จากการตรวจสอบพบรถยนต์ซูบารุ สีดำ ทะเบียน ฉว 6x กรุงเทพมหานคร และรถยนต์ฟอร์ดมัสแตงค์ สีขาว ทะเบียน ญต 6x กรุงเทพมหานคร อาวุธปืน 40 - 50 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนมาก นาฬิกาหรูหลากหลายยี่ห้อ อาทิ โรเล็กซ์ ปาเต๊ะ พานาราย มูลค่ารวมกว่า 14 ล้านบาท เรือสปี๊ดโบส 14 ลำ(ตรวจยึดได้ที่ประจวบคิรีขันธ์) ทองคำ และเงินสด จำนวนมาก
พล.ต.ท.สำราญ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ปีที่ผ่านมา ทางบก.สส.บช.น. จับนายพิทวัส และ นายชยุต หลังขยายผลเกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่ทางตำรวจจับกุมเมื่อปี 2562 เป็นยาบ้ากว่า 1,043,800 เม็ด และยาไอซ์จำนวน 86 กิโลกรัม เมื่อเดือน มี.ค.2564 โดยการจับสองผู้ต้องหาทำการตรวจค้นที่บ้านพักพบโทรศัพท์มือถือภายในมีข้อความสนทนาเกี่ยวกับการติดต่อซื้อขายยาเสพติดและการชำระค่ายาเสพติด โดยมีการโอนเงินค่ายาเสพติดไปยังบัญชีธนาคารที่อยู่ต่างประเทศ และเมื่อตรวจสอบเชิงลึกพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเงินดังกล่าว โดยนายวรวัฒน์ ทำการเล่นแร่แปรธาตุเป็นสินค้าน้ำมัน เพื่อนำเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดไปให้กับเจ้าของยาเสพติด โดยเปลี่ยนแปลงสภาพเป็นการซื้อขายน้ำมันส่งออกไปยังประเทศพม่าเป็นเงินกว่า 500 ล้านบาท
นอกจากนี้จากแนวทางการสืบสวน ยังพบว่ากลุ่มผู้ต้องหากลุ่มนี้ทำหน้าที่รับโอนเงิน ที่ได้จากการค้ายาเสพติดมาฟอกเงินเป็นสินทรัพย์อื่น ๆ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับกลุ่มของนายวรวัฒน์ และพวกรวม 4 คน ในความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด , สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดก่อนหรือขณะกระทำความผิด , รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพื่อประโยชน์หรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือเพื่อมีให้ผู้กระทำความผิดถูกลงโทษ และ ข้อหาสมคบเพื่อการฟอกเงิน
พล.ต.ท.สำราญ กล่าวอีกว่า กรณีดังกล่าวทาง บก.สส.บช.น. ค่อย ๆ เกาะติดมาเรื่อย ๆ จนถึงปี 2564 ขยายผลตามมาตรการสมคบ ขยายผลต่อ จนขณะนี้ออกหมายจับรวม 7 คน จับในวันนี้ได้ 4 คน อายัดตัวในเรือนจำ 2 คน และ อยู่ระหว่างหลบหนี 1คน ส่วนทรัพย์สินที่ป.ป.ส. ยึดประมาณ 130 ล้าน ทั้งนี้ในส่วนอาวุธปืนที่พบจะนำส่ง พฐ. ตรวจสอบอาวุธปืนต่าง ๆ ว่าถูกใช้ในการกระทำความผิดอื่น ๆหรือไม่ อย่างไรก็ตามเครือข่ายค่อนข้างใหญ่ รถยนต์ทรัพย์สินอื่น ๆ ทางเจ้าหน้าที่จะเร่งพิสูจน์ขยายผลการตรวจสอบเพราะเชื่อว่าได้มาจากการค้าขายยาเสพติด
ขณะเดียวกันมีรายงานว่าขณะตรวจค้นทรัพย์สินในบ้าน ทางชุดสืบสวนพบบริเวณกระจกหน้ารถยนต์ทั้งสองคันมีพบสติกเกอร์เข้า - ออก รัฐสภาติดไว้ระบุสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เลขที่ 092 ทั้งสองคัน และบัตรคล้องคอที่ระบุสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ตำแหน่งของนายวรวัฒน์ คือ “ผู้ชำนาญการประจำตัวสมาชิกวุฒิสภา " ซึ่งกรณีนี้ทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาลสั่งการให้ตรวจสอบแล้ว นอกจากนี้ยังพบข้อมูลว่านายวรวัฒน์ เป็นผู้ผ่านการฝึกอบรม เป็นชำนาญการศุลกากรหลักสูตรผู้ชำนาญการศุลกากร รุ่นที่ 17 ด้วย
รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า ส่วนทรัพย์สินรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด มัสแตง เชลบี จีที500 ปี 2020 ซึ่งเจ้าหน้าที่ป.ป.ส. ระบุว่า เป็นรถเกรย์มาร์เก็ต หมายถึงรถนำเข้าผิดกฎหมาย ไม่ผ่านกระบวนการทางศุลกากรที่ถูกต้อง อาวุธปืนหลายขนาดจำนวนมาก ตั้งแต่ปืนไรเฟิลและปืนสั้นที่ตกแต่งอุปกรณ์ราคาแพง ตู้เซฟ 4-5 ตู้ที่ต้องเอาไปตรวจสอบ นาฬิกายี่ห้อโรเล็กส์,ปาเต๊ะ มูลค่า 14 ล้านบาท, ทองคำมูลค่า 10 ล้านบาท อีกทั้งพบธุรกิจของนายวรวัฒน์ นอกจากขายน้ำมันส่งออก ยังพบการทำเรือยอร์ช เจ๊ตสกี มีอู่เรืออยู่อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ นาจอมเทียน จ.ชลบุรี ซึ่งรวมมูลค่าทรัพย์สิน 130 ล้านกว่าบาทด้วย โดยในวันพรุ่งนี้ (4 มี.ค.) พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. จะแถลงข่าวผลการปฎิบัติต่อไป.