ต้นเชอร์รี่ในบ้านร้าง
ผมยังอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่ต่างจังหวัด ในช่วงวันหยุดน้องชายที่อายุน้อยกว่าสี่ปี ซึ่งเป็นญาติๆกัน มักจะมาเล่นด้วยที่บ้านของผม และในวันนั้นซึ่งเราพากันไปว่ายน้ำเล่นในคลองเล็กๆละแวกนั้น ด้วยความที่ขนาดของคลองไม่ลึกและกว้างนัก ทำให้ผมพูดขึ้นตามประสาเด็ก ชวนกันว่ายข้ามไปเก็บลูกเชอร์รี่ที่ฝั่งตรงข้าม ต้นเชอร์รี่ที่ว่านี้เป็นต้นที่ปลูกไว้ในเขตบ้านของ “ทวดหวาน”
โดยแกเป็นคนเฒ่าคนแก่ที่อายุอานามมากโขจนชาวบ้านพากันเรียกแกด้วยคำว่าทวด บ้านของทวดหวานมีลักษณะเป็นเรือนยกสูงมีใต้ถุนที่ทำจากไม้ นอกจากเชอร์รี่ที่แกปลูกไว้แล้ว ก็ยังมีต้นผลหมากรากไม้อื่นๆอยู่อีกมากมาย แต่ทวดหวานแกพึ่งจะมาเสียไปเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้ที่นี่ร้างคนดูแล ตัวบ้านก็เก่าทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็วด้วยความที่เห็นว่าไม่มีใครอยู่แล้ว ผมจึงชวนน้องไปเก็บผลไม้กันที่นั่น ครั้นว่ายข้ามไปถึงแล้ว ก็พากันตรงดิ่งไปที่ต้นเชอร์รี่ที่เป็นเป้าหมาย มันอยู่ข้างๆตัวบ้านไม้ที่จะพังมิพังแหล่ ซึ่งอยู่ห่างจากริมฝั่งไม่ไกลไปราวๆร้อยเมตร
หากแต่จังหวะหนึ่ง…ผมสังเกตเห็นน้องชายมีท่าทีแปลกๆเมื่อขึ้นมาถึง ท่าทางเหมือนไปพบเจอแล้วกลัวอะไรมา อย่างไรก็ตามผมไม่ได้ซักถามทันทีในตอนนั้น เนื่องจากใจจริงก็กลัวคำตอบที่จะได้ยินอยู่เหมือนกัน แม้จะไม่ได้คิดถึงขนาดที่ว่าวันนี้ตัวเองกำลังจะได้รับบทนำจำเป็นในหนังผีน่ากลัวเรื่องนี้ เพื่อไม่เป็นการทำลายบรรยากาศและเสียความตั้งใจในทีแรก
ผมจึงเร่งชวนน้องไปนั่งกินเชอร์รี่ที่ใต้ต้น กระทั่งหลังกินกันอย่างเอร็ดอร่อย กินไปคุยเล่นกันไปจนสาแก่ใจแล้ว ก็ถึงเวลาพากันกลับบ้าน ขณะที่ลุกจะเดินออกไปนั้นก็มีเสียงคนถ่มน้ำลายดังออกมาจากบนเรือนไม้ที่ไม่น่าจะมีใครอยู่ แถมเสียงยังค่อนข้างดังฟังชัดจนชวนให้คิดว่ามีเจตนาที่ต้องการทำให้คนได้ยิน จังหวะนั้นผมเองได้พูดขึ้นด้วยความตกใจว่า “เมื่อกี้ เสียงใครอ่ะ” หากแต่ไม่ได้รับคำตอบใดๆจากน้อง เห็นขัดเจนว่าน้องก็หน้าซีดไปแล้วเหมือนกัน หลังท่าทีที่ดูสับสนว่าจังหวะนั้นควรอยู่ฟังให้แน่ใจ ควรค่อยๆย่องออกมาหรือวิ่งหนีด้วยความเร็วดีนั้น สุดท้ายดูเหมือนว่าพอมีคนนึงออกตัววิ่ง
อีกคนก็รีบใส่เกียร์หมาตามมาติดๆทันที เราพากันมาหยุดพักหายใจกันอยู่ริมตลิ่ง พลางปรึกษากันว่า…เสียงที่ได้ยินเมื่อกี้นี้ เป็นเสียงของทวดหวาน อดีตเจ้าของบ้ายนหลังดังกล่าหรือไม่ แต่นั้นคงไม่สำคัญเท่ากับการหนีกลับไปบ้านให้ได้ก่อน หากแต่ทางที่เหลือไม่ใช่แค่วิ่งก็ถึง มันมีคลองเล็กๆที่เราข้ามมาเมื่อกี้คั่นอยู่ ซึ่งด้วยความตื่นกลัวในขณะนี้ก็ทำให้คลองมันดูใหญ่กว่าความเป็นจริง
ผมพยายมปลอบน้องไม่ให้กลัว บอกให้น้องกล้าๆเข้าไว้ โดยน้องจะว่ายนำไปก่อนแล้วผมจึงว่ายตามเพื่อดูหลังให้ ในระหว่างที่ว่ายไปนั้นต่างคนก็ต่างตะโกนกันสุดเสียงเพื่อข้บไล่ความตื่นกลัวออกไป ขณะที่ว่ายออกไปได้ระยะหนึ่งผมก็รู้สึกเหมือนกับขาของตัวเองไปสัมผัสถีบกับอะไรเข้าให้ ผมจึงหันไปมองด้านหลังด้วยความตกใจ และสิ่งที่เห็นก็คือผิวน้ำทางด้านหลังที่แหวกนูนออกมาเหมื่อนคลื่นจากหัวใครบางคนที่ดูเหมือนจะดำน้ำว่ายตามเรามา
ในหัวมีภาพของยายแก่จากเรื่องผีต่างๆที่มักตามเหยื่อได้รวดเร็ว แม้ว่าจะแก่แล้ว! ถึงตรงนั้นผมก็แหกปากทันทีด้วยความตกใจสุดขีด แล้วรีบจ้ำอ้าวอย่างสุดแรง พลางว่ายไปร้องไห้ไป กระทั่งน้องผมที่อยู่ด้านหน้าได้ยินเสียงผมร้องไห้ ก็ร้องตามแล้วพากันเร่งจ้ำจนในที่สุดก็มาถึงฝั่งอย่างปลอดภัย
หลังจากกลับมาถึงบ้านผมก็ซักถามน้องเรื่องที่คาใจอยู่ ว่าตอนที่ไปถึงฝั่งน้องไปเห็นอะไรเข้าหรือเปล่า โดยน้องชายเล่าให้ฟังว่าตัวเองไม่ได้เห็นชัด แต่คล้ายกับว่ามีใครบางคนจ้องมองอยู่จากทางหน้าต่างชั้นบน แต่พอหันไปดูให้ชัดก็ไม่เห็นตัว ในขณะที่ตอนขากลับน้องบอกว่าตัวเองก็ไม่ทันได้สังเกตเห็นในสิ่งที่ผมเจอ เรื่องที่ว่ามีคลื่นนูนออกมาจากผิวน้ำ น้องเพียงได้ยินผมร้องไห้เลยกลัวแล้วรีบว่ายมาเท่านั้น อย่างไรก็ตามเราคาดกันว่า นั่นอาจจะเป็นดวงวิญญาณของ “ทวดหวาน” ซึ่งแกได้ชื่อว่าเป็นคนหวงของโดยเฉพาะต้นไม้ที่แกปลูกดูแลประคบประหงมเหมือนลูกในสมัยที่ยังมีชีวิต หลังจากนั้นผมก็ไม่เคยชวนน้องไปขึ้นที่ฝั่งนั้นอีกเลย จนกระทั่งบ้านหลังนั้นได้ถูกรื้อถอนออกไปในภายหลัง ไม่แน่ใจว่ามีใครได้พบเจอกับแกอีกมั้ย และนี่ก็เป็นเรื่องราวทั้งหมดของกระทู้ผีพันทิปนี้….
เรื่องผี Pantip เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สอนจิตได้อย่างนึงว่า อะไรที่ไม่ใช่ของของเรา เราไม่ควรไปเอา แม้ว่าจะเป็นเพียงผลไม้จากบ้านร้างที่ไม่มีคนก็ตาม เพราะอาจยังมี “ผี” เฝ้าอยู่ก็เป็นได้