คนไทย...แก่ก่อนรวย ป่วยก่อนตาย
ประเทศไทยในอนาคตอีก 50 ปีข้างหน้า อาจจะมีจำนวนประชากรลดลงเหลือเพียง 30 กว่าล้านคน หรือเพียงครึ่งเดียวของในวันนี้ที่มีราว 70 ล้านคน เหตุผลที่เป็นแบบนี้ เนื่องจาก อัตราการเกิดลดลงมาก และจำนวนประชากรไทยที่เสียชีวิตได้มากกว่าจำนวนเด็กแรกเกิดแล้วในปีนี้ มาจากการแต่งงานที่ช้าลง แนวโน้มการอยู่เป็นโสดมากขึ้น จำนวนบุตรต่อครอบครัวน้อยลงหรือไม่มีบุตรเลย ซึ่งต่างจากอดีตเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ที่มีบุตรมากกว่า 3-5 คน
ประเทศไทยจัดว่าเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบแล้ว เนื่องจากมีประชากรอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไปมากกว่า 15%ของประชากรแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะกลายเป็น 20%ในอีกไม่นานนี้ สภาพสังคมในอนาคตที่มีแต่คนแก่สูงวัยมากกว่าจำนวนเด็กหรือวัยทำงานนั้น ทำให้เกิดการขาดแคลนแรงงาน ความต้องการโรงเรียนลดลง รายได้ต่อหัวที่ลดลง จีดีพีลดลง การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคก็ลดลง ความต้องการที่ดินอสังหาที่อยู่อาศัยลดลง แต่ความต้องการการรักษาพยาบาลผู้สูงอายุมีมากขึ้น ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและดูแลผู้สูงอายุมีมากขึ้นตามไปด้วย
นอกจากคนไทยจะกลายเป็นผู้สูงวัยเต็มรูปแบบแล้ว ยังพบว่า คนไทยส่วนใหญ่อยู่ในฐานะยากจน มีรายได้ไม่เพียงพอในการยังชีพโดยเฉพาะในวัยชรา เนื่องจาก แนวโน้มอายุของคนสูงวัยมีอายุมากขึ้น ในอนาคตเราจะได้เห็นคนอายุมากกว่า 90 ปีมากมายในสังคมไทย การมีอายุยืนยาวขึ้น ล้วนต้องใช้เงินในการรักษาพยาบาลมากขึ้นและในการดำรงชีวิตมากขึ้นตามไปด้วย ทำให้คนไทยส่วนใหญ่จะมีฐานะยากจนลง เงินที่เก็บออมมาไม่เพียงพอ คนไทยนอกจากจะแก่ก่อนรวยแล้ว ยังป่วยก่อนแก่ด้วย กล่าวคือ คนไทยที่มีอายุมากกว่า 50 ปีในวันนี้ มีโรคประจำตัวที่ต้องรักษาพยาบาลอย่างน้อย 1 โรค เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคไขมันสูง โรคทางสมอง โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง โดยโรคมะเร็งมีค่าใช้จ่ายพยาบาลสูงที่สุดและเป็นโรคที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตมากที่สุดในคนไทย