ครบรอบปีการยึดอำนาจในพม่า โดย สิริอัญญา วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2565
ครบรอบปีการยึดอำนาจในพม่า
โดย สิริอัญญา
วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2565
เหตุการณ์ยึดอำนาจในพม่าครบรอบปีแล้วในต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ทำให้บรรดาสมุนบริวารของต่างชาติที่พยายามสร้างกระแสข่าวต่อต้านรัฐบาลใหม่ของพม่าและสนับสนุนขบวนการสามนิ้วที่ต่อต้านรัฐบาลพม่า ซึ่งพยายามตีฆ้องร้องป่าวมาตั้งแต่ต้นว่ารัฐบาลพม่าจะต้องถูกโค่นลงในระยะเวลา 1-3 เดือนเท่านั้น ต้องผิดหวังอย่างรุนแรง
เพราะเหตุการณ์ไม่เป็นไปตามความต้องการของสมุนบริวารนักล่าอาณานิคมที่โหวกเหวกโวยวายตีฆ้องร้องป่าวอยู่ในประเทศไทย เพราะไม่ว่าจะใช้สื่อขนาดไหนและบิดเบือนความจริงอย่างไร แต่ในที่สุดความจริงอันบิดเบือนปกปิดไม่ได้ก็คือรัฐบาลพม่าสามารถยืนหยัดอยู่ได้จนกระทั่งครบปีแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าจะถูกโค่นล้มลง
มิหนำซ้ำ รัฐบาลพม่ายังสามารถรักษาสถานการณ์โดยทั่วไปให้กลับคืนสู่ภาวะปกติได้ทั่วประเทศ คงเหลือบางพื้นที่ที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติที่ยังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบอยู่บ้าง รวมทั้งบางพื้นที่ใกล้ชายแดนประเทศไทย แม้กระนั้นก็ต้องกล่าวว่ารัฐบาลพม่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้วโดยทั่วไป
เหตุผลในการเข้ายึดอำนาจของรัฐบาลพม่าก็คือ รัฐบาลก่อนนั้นสมคบกับต่างชาติเพื่อนำประเทศพม่าเข้าไปอยู่ใต้การครอบงำของนักล่าอาณานิคม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ชาวพม่าไม่เคยลืมเลือน โดยเฉพาะในชีวิตจิตใจของทหารพม่านั้นมีความเจ็บปวดและเจ็บแค้นสาหัสนัก เป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมให้พม่าตกเป็นของต่างชาติอีกเด็ดขาด
สาเหตุของการยึดอำนาจที่แท้จริงไม่ใช่ปัญหาเรื่องประชาธิปไตย เพราะเรื่องนี้ได้เกิดขึ้นแล้วและร่วมมือกันมาแล้ว แต่สาเหตุที่แท้จริงก็คือปัญหาการที่ต่างชาติพยายามครอบงำแทรกแซงและยึดครองพม่า หมายให้รัฐบาลพม่ามีฐานะเป็นแค่รัฐบาลหุ่นของต่างชาติ เช่นเดียวกับประเทศหลายประเทศที่ถูกล่าเป็นอาณานิคมยุคใหม่
เมื่อปัญหาความขัดแย้งเช่นนี้ไม่สามารถแก้ไขได้โดยสันติ ทหารพม่าจึงจำเป็นต้องเข้ายึดอำนาจ และทันทีที่เข้ายึดอำนาจก็ได้เห็นเครือข่ายการจัดตั้งของต่างชาติ ทั้งที่มีการจัดตั้งในสถาบันการศึกษา ในกลุ่มเยาวชน และในวงการพุทธศาสนาอย่างชัดเจนขึ้น ขบวนการจัดตั้งเหล่านี้ได้โหมการเคลื่อนไหวตอบโต้การยึดอำนาจอย่างกว้างขวาง
แต่ใช้รูปแบบเดียวกันกับการเคลื่อนไหวมวลชนของขบวนการสามนิ้วในประเทศไทยและฮ่องกง นั่นคือใช้สัญลักษณ์การชูสามนิ้วเหมือนกัน พยายามใช้ธงของประเทศมหาอำนาจมาโบกสะบัดเป็นศูนย์รวมใจของขบวนการเหล่านี้เหมือนกัน เรียกร้องให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซงยึดพม่าเหมือนกัน และอาศัยเครือข่ายสื่อของนักล่าอาณานิคมโหมประโคมการเคลื่อนไหวของพวกตน
แต่ในที่สุดความจริงก็ต้องเป็นความจริงวันยังค่ำ นั่นคือกองทัพและประชาชนพม่าส่วนใหญ่ยังยึดมั่นอยู่ในความรักชาติและต่อต้านการครอบงำแทรกแซงและยึดครองของมหาอำนาจ จึงเข้ายืนข้างรัฐบาลพม่าและทำให้รัฐบาลพม่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วต่อเนื่องมาจนถึงครบรอบปี
ในขณะเดียวกัน สถานการณ์สากลก็เปลี่ยนแปลงไป รัฐบาลจีนรู้เท่าทันแผนกโลบายร้ายกาจของต่างชาติที่ต้องการทำลายฮ่องกง บ่อนทำลายความมั่นคงของสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงได้ใช้มาตรการเด็ดขาดประกาศใช้กฎหมายความมั่นคง
จากนั้นหน่วยงานความมั่นคงของจีนก็เข้าปฏิบัติการตามกฎหมายความมั่นคงนั้นในฮ่องกงอย่างรวดเร็วเฉียบขาด กวาดล้างขบวนการทรยศชาติทุกขบวนการ ไม่ว่าจะเป็นทุนใหญ่ สื่อมวลชนใหญ่ และสายลับต่างชาติ รวมทั้งแกนนำนักศึกษาที่ขายตัวให้กับต่างชาติล้วนถูกกวาดล้างอย่างเฉียบขาด ทำให้ฮ่องกงกลับสู่ความสงบสุขดังเดิม
สำหรับประเทศไทย ประชาชนไทยเกือบทั้งประเทศมีความมั่นคงจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ มีน้ำใจพร้อมเพรียงกันที่จะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ทุกเมื่อ และเห็นเภทภัยร้ายกาจของการล่าอาณานิคมซึ่งเป็นแผลลึกฝังใจมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 รวมทั้งเหตุการณ์ที่ญี่ปุ่นเข้ายึดครองประเทศไทยในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ดังนั้นขบวนการสามนิ้วแม้จะโหมประโคมปั่นกระแสเคลื่อนไหวสักปานใดก็ไม่ประสบความสำเร็จ
เพราะการใดก็ตามที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ยินยอมพร้อมใจ ไม่เข้าร่วม และต่อต้านแล้ว การนั้นถึงจะมีนักล่าอาณานิคมแบบไหนหนุนหลังก็ไม่มีวันประสบความสำเร็จ จึงทำให้การเคลื่อนไหวบ่อนทำลายสถาบันเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองในประเทศไทยล้มเหลวลง และส่งผลเชิงลบต่อการต่อต้านรัฐบาลพม่าด้วย
ที่สำคัญคือรัฐบาลพม่าและกองทัพไทยมีความเข้าใจสถานการณ์ที่ตรงกันว่าสงครามไม่ใช่ผลประโยชน์ของประเทศทั้งสอง มีแต่อันตรายและหายนะและกระทบต่อผลประโยชน์แห่งชาติของทั้งสองประเทศ ดังนั้นการประสานงานร่วมมือกันเพื่อหยุดยั้งสงครามไม่ให้ไหม้ลามถึงประเทศไทยจึงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
รัฐบาลพม่าแม้จำเป็นต้องปราบปรามฝ่ายกบฏที่ได้รับการสนับสนุนจากนักล่าอาณานิคม ถึงขนาดส่งกำลังเข้าไปก่อวินาศกรรมทำลายเสาไฟฟ้าและสัญญาณโทรศัพท์รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างของรัฐจำนวนมาก แต่ก็ระมัดระวังไม่ให้ไฟสงครามลามใกล้ประเทศไทย และพยายามให้การปราบปรามฝ่ายกบฏอยู่ห่างจากชายแดนไทยไม่น้อยกว่า 20 กิโลเมตรอยู่เสมอ
แม้กระนั้นทั้งไทยและพม่าก็ยังคงต้องระมัดระวังการสร้างสถานการณ์ที่จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด รวมทั้งการวางมาตรการป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นหนา ซึ่งประชาชนไทยพอจะหวังได้ว่าถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุชนิดผิดคาดแล้วไฟสงครามก็จะไม่ลามประเทศไทย
และในสักวันหนึ่งสันติสุขและสันติภาพก็จะฟื้นคืนมา ปัญหาทั้งหลายในพม่าเป็นเรื่องที่ชาวพม่าจะต้องแก้ไขกันเอง โดยประเทศไทยจะต้องไม่เข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงหรือเป็นคู่ขัดแย้งโดยเด็ดขาด
ดังนี้แล้วประเทศไทยก็จะไม่ได้รับอันตราย และไฟสงครามก็จะไม่ไหม้ลามเข้ามาถึงประเทศไทย แต่ในช่วงการฝึกซ้อมคอบร้าโกลด์นั้นเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันระมัดระวังป้องกันไม่ให้อุบัติเหตุร้ายแรงใด ๆ เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด.