ดร.ปิติพงศ์ถาม เป็นธรรมหรือไม่? กยศ. ฟันรายได้จากดอกเบี้ยและค่าปรับ 7 ปี เกือบ 4 หมื่นล้าน จ้างทนายทวงหนี้ปีละ พันล้าน
ดร.ปิติพงศ์ เต็มเจริญ ถาม กยศ. ฟันรายได้จากดอกเบี้ยและค่าปรับ 7 ปี เกือบ 40,000 ล้าน จ้างทนายทวงหนี้ปีละ 1,000 ล้านบาท เป็นธรรมหรือไม่ ? ชี้ กยศ. มีไว้เพื่อนักศึกษา หรือมีไว้ทำกำไรบนคราบน้ำตาประชาชน ?
โดยได้โพสต์ข้อความระบุว่า #เป็นธรรม หรือไม่ ?
กยศ. ฟันรายได้จากดอกเบี้ยและค่าปรับ รวม 7 ปี เกือบ 40,000 ล้านบาท จ้างทนายทวงหนี้นักศึกษาปีละ 1,000 ล้านบาท กยศ. มีไว้เพื่อนักศึกษา หรือมีไว้ทำกำไรบนคราบน้ำตาประชาชน ?
จากรายงานงบการเงินของ กยศ. ตั้งแต่ปี 2557 ถึง 2563 พบว่า กองทุนมีรายได้จากดอกเบี้ยและค่าปรับ เป็นเงินทั้งสิ้น 38,744 ล้านบาท เฉลี่ยปีละ 5,535 ล้านบาท อีกทั้ง กยศ. ยังได้ใช้เงินไปกับการจัดการ การดำเนินคดีต่อลูกหนี้ที่ผ่านมา ทั้งสิ้น 8,788 ล้านบาท เฉลี่ยแล้ว กยศ.ใช้เงิน 1,255 ล้านบาท เป็นค่าจ้างทนายไปทวงหนี้
จากการบริหารหนี้ที่คิดแต่ผลกำไร คิดดอกเบี้ย คิดเงินค่าปรับ ทำให้เด็กนักเรียนนักศึกษากว่า 1.6 ล้านคนติดหนี้ กยศ. รวมทั้งผู้ปกครองและผู้ค้ำประกัน ได้รับผลกระทบกว่า 20 ล้านคน ผิดวัตถุประสงค์ของกองทุน และขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งเป็นกฏหมายสูงสุดของประเทศ
การคิดดอกเบี้ยและค่าปรับของ กยศ. เป็นการค้ากำไรบนคราบน้ำตาของประชาชน ซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา กยศ. ไม่ใช่กองทุนที่มีวัตถุประสงค์จัดตั้งขึ้นมาเพื่อค้าหากำไร แต่เป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษา ให้มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาได้มากที่สุด
ผมจึงขอเสนอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการต่อไปนี้ เพื่อเปลี่ยน กยศ. จากกองทุนที่ค้าหากำไรบนคราบน้ำตาของประชาชน มาเป็นกองทุนที่ส่งเสริมและเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียน นักศึกษา ให้เข้าถึงการศึกษาได้อย่างแท้จริง ได้แก่
1. ยกเลิกการคิดดอกเบี้ยเงินกู้ยืม กยศ. เนื่องจากเงินกู้ยืมนี้เป็นการกู้ยืมเพื่อการศึกษา รัฐมีหน้าที่สนับสนุนและส่งเสริมโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา จึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะไปคิดดอกเบี้ยจากผู้ด้อยโอกาส
2. ยกเลิกการคิดเบี้ยปรับเงินกู้ยืม กยศ. โดยกองทุนต้องถือหลักที่ว่ากองทุนจะต้องช่วยส่งเสริมให้ลูกหนี้สามารถชำระหนี้ได้โดยเร็ว ไม่ใช่ไปแสวงหาผลประโยชน์สูงสุดจากลูกหนี้
3. พักชำระหนี้แก่ลูกหนี้ที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ หยุดการดำเนินคดี ไม่ต้องฟ้องร้องบังคับคดี หรือฟ้องยึดทรัพย์ ให้ผู้กู้ได้มีเวลาหางาน หาเงินมาใช้หนี้ ในยามที่เศรษฐกิจตกต่ำ เงินหดรายได้หายเช่นนี้
4. นำงบประมาณปีละ 1,000 ล้านบาท ที่กองทุน กยศ. นำไปจ้างทนายมาทวงหนี้ประชาชน เอาไปชดใช้กองทุนในส่วนที่เกิดหนี้เสีย ซึ่งผู้กู้ไม่มีความสามารถอย่างแท้จริงในการใช้หนี้คืน หรือนำไปเป็นงบประมาณดำเนินการด้านอื่นของกองทุน
ข้อเสนอในเบื้องต้นทั้ง 4 ข้อนี้ จะช่วยพลิกฟื้นกองทุน กยศ. ให้กลับมาเป็นกองทุนที่ทำเพื่อนักศึกษาและประชาชน ไม่ใช่กองทุนที่ค้าหากำไรบนคราบน้ำตาของประชาชน ให้กลายมาเป็นกองทุนที่สร้างความเป็นธรรม และเสริมสร้างโอกาสให้คนไทย เข้าถึงการศึกษาได้มากขึ้นต่อไป
ดร.ปิติพงศ์ เต็มเจริญ
หัวหน้าพรรคเป็นธรรม