ทำไมรัฐบาลจึงยังไม่อนุญาตให้ใช้เหรียญคริปโตในการซื้อขายสินค้า
1.เหรียญคริปโตเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีสินทรัพย์หนุนหลัง ต่างกับเงินบาท ที่มีทุนสำรองหนุนหลังเป็นประกันอยู่ มีราคาขึ้นลงตลอด24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุด และไม่มีข้อจำกัดจำนวนที่ขึ้นลงด้วย เหรียญคริปโตจึงมีค่าไม่แน่นอน
2 ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหรียญคริปโต ต้องเข้าใจเรื่องสำคัญ2เรื่อง คือเรื่องความเสี่ยงที่มีราคาขึ้นลงตลอดเวลาที่ไม่จำกัด และ
เรื่องการสำรอง สำหรับกรณีที่มีราคาสูง ที่จะต้องกันส่วนเผื่อเป็นสำรองเผื่อกรณีราคาลดลงซึ่งประชาชนทั่วไป จะไม่เข้าใจ หรือไม่ทราบใน 2 เรื่องสำคัญนี้ทำให้มีภาระความเสี่ยงสูงมากเหตุนี้รัฐจึงจะต้องคุ้มครองประชาชน เพื่อไม่ให้เสียหาย
3 ในกรณีที่รับเหรียญคริปโตชำระค่าสินค้าณ เวลานั้น อาจมีมูลค่าเท่ากับ 1หมื่นบาท แต่วันรุ่งขึ้นราคาอาจขึ้นไปเป็น 1แสนบาท ก็ถือว่ามีผลกำไรอันควรแก่ความยินดีแต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าราคาลดลงจนมีมูลค่าเหลือเพียง 1พันบาทก็จะขาดทุนถึง9พันบาท ซึ่งผู้ค้าขายที่รับเหรียญไว้ไม่สามารถรับในผลขาดทุนนั้นได้ เหตุนี้แม้เห็นผลดีที่อาจมีกำไรเกินคาดคิด แต่ก็ต้องเห็นผลร้ายจากการขาดทุนที่ไม่คาดคิดเช่นเดียวกันด้วย
4. เพราะรัฐต้องการคุ้มครองประชาชนทั่วไปหลายประเทศจึงไม่ให้ใช้เหรียญคริปโตในการชำระสินค้า แต่ถ้าคู่กรณีมีความพร้อมมีความเข้าใจที่จะรับความเสี่ยงนั้นก็สามารถตกลงรับชำระสินค้ากันได้ ซึ่งหลายประเทศก็เป็นเช่นนี้
5. ในกรณีที่ผู้ค้าขายพร้อมรับเหรียญคริปโตชำระสินค้าก็ต้องเรียนรู้ต่อไปด้วยว่า เมื่อได้รับเหรียญคริปโตชำระสินค้ามาแล้ว ถ้าต้องการได้รับเป็นเงินบาทกลับคืนมา จะต้องไปขายที่ไหน ขายอย่างไร ซึ่งต้องไปเรียนรู้เรื่องนี้อย่างถ่องแท้ ซึ่งต้องมีบัญชีซื้อขายเหรียญคริปโต
ต้องเปิดกับบริษัทผู้ค้าขายเหรียญคริปโตด้วย
6. การที่รัฐไม่อนุญาตให้ชำระค่าสินค้าด้วยเหรียญคริปโตจึงเป็นเรื่องปกติผู้ที่ทำธุรกิจหรือการลงทุนในการขุดหรือค้าขายเหรียญคริปโตก็ไม่ต้องตกใจ
เพราะในปัจจุบันนี้ การค้าขายก็มีสองประเภทอยู่แล้ว คือการชำระด้วยเงินบาทและการชำระด้วยเหรียญคริปโต ซึ่งในอนาคตนั้นการใช้เหรียญคริปโตก็จะมีการใช้มากขึ้นตามห้วงเวลาของพัฒนาการ













