โอมิครอนล่องหน...สายพันธุ์ที่ 2 !!
โอมิครอนล่องหน...สายพันธุ์ที่ 2 !!
25 มกราคม 2565 ผศ.นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ อดีตอธิการบดี มศว. ระบุว่า เลี่ยงไม่พ้น ไทยพบ #โอมิครอนสายพันธุ์ที่2 แล้ว พร้อมกับ 40 ประเทศทั่วโลก
มีรายงานจาก ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ #โรงพยาบาลรามาธิบดี รายงานเบื้องต้น ตรวจพบไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยที่ 2 ที่เรียกว่า #สายพันธุ์ล่องหน (Stealth) ในไทยแล้ว 2 คน จะทำการถอดรหัสครบทั้งตัว คือดูรหัสพันธุกรรมทั้ง 30,000 ตำแหน่ง เพื่อยืนยันอีกครั้งหนึ่ง โดยองค์ความรู้เกี่ยวกับไวรัสโอมิครอนก็คือ เป็นไวรัสสายพันธุ์ที่มีการกลายพันธุ์ในตำแหน่งที่แตกต่างจาก #ไวรัสอู่ฮั่น มากที่สุดคือ ประมาณมากกว่า 60 ตำแหน่ง
และกลายพันธุ์ที่ตำแหน่งหนามมากถึง 32 ตำแหน่ง ซึ่งมากกว่า
เดลต้าถึง 3.5 เท่า
เป็นที่ทราบกันดีว่า เมื่อไวรัสได้มีการเพิ่มจำนวนอย่างมาก คือมี
ผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ก็จะมี โอกาสกลายพันธุ์ตามธรรมชาติสูงด้วย
ถ้ากลายพันธุ์ไม่แตกต่างจากตัวเดิมมากนัก ก็จะเรียกว่าสายพันธุ์
ย่อย(Subtype/ Subvariant)
ขณะนี้ตรวจพบทั้งหมด 3 สายพันธุ์ย่อยได้แก่ BA.1, BA.2 , BA.3 โดยสายพันธุ์ย่อยที่หนึ่ง (BA.1) เป็นสายพันธุ์หลักของโลก มีการถอดรหัสไปแล้วกว่า 510,000 ตัวอย่าง มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง ที่แตกต่างไปจากสายพันธุ์หลัก 60-70 ตำแหน่ง พบใน 160ประเทศทั่วโลก
ส่วนสายพันธุ์ย่อยที่สอง (BA. 2) พบแล้ว 40 ประเทศทั่วโลก 10,811
ตัวอย่าง แต่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของสารพันธุกรรมมากถึง
70-80 ตำแหน่ง ทำให้มีโอกาสที่จะแพร่เชื้อได้เร็วกว่าสายพันธุ์ย่อย
ที่หนึ่ง
ใน #ประเทศเดนมาร์ก พบไปแล้วประมาณร้อยละ 50 ของผู้ติดเชื้อ
ทั้งหมด และกำลังทยอยพบมากขึ้นใน #อังกฤษ #สวีเดน และ #นอร์เวย์
ส่วน #สายพันธุ์ย่อยที่สาม (BA.3) ยังพบน้อยอยู่ และมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเพียง 55-60 ตำแหน่ง
การตรวจพบสายพันธุ์ย่อยที่สอง จะทำได้ยากกว่าสายพันธุ์ย่อยที่
หนึ่ง เนื่องจากการตรวจด้วยวิธี PCR ธรรมดาจะแยกสายพ้นธุ์ย่อยที่
หนึ่งออกจาก #เดลต้าได้....แต่จะไม่สามารถแยกสายพันธุ์ย่อยที่สองออกจากเดลต้าได้ จึง ทำให้เรียกกันว่า #สายพันธุ์ล่องหน (Stealth)
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ ใช้วิธีที่สามารถ ตรวจพบสายพันธุ์ย่อยที่สองได้ ต้องขอแสดงความชื่นชมในการที่พัฒนาการตรวจจนทราบผลเบื้องต้นได้อย่างรวดเร็ว ก็คงเป็นเรื่องที่จะต้องยอมรับความจริงกันว่า ไวรัสก่อโรค โควิด จะมีการกลายพันธุ์อยู่ตลอดเวลา...เมื่อมีสายพันธุ์ย่อยที่หนึ่ง ก็ย่อมมีสายพันธุ์ย่อยที่สอง และสาม ต่อไปเรื่อยๆ
ขณะนี้มีแนวโน้มว่า สายพันธุ์ย่อยที่สอง จะแพร่ระบาดเร็วกว่า
สายพันธุ์ย่อยที่หนึ่ง....แต่ยังไม่พบรายงานว่า จะก่อให้เกิดอาการรุนแรงหรือดื้อต่อวัคชีน....มากกว่าสายพันธุ์ย่อยที่หนึ่ง
ก็คงจะต้องติดตามเรื่องไวรัสโคโคโรนาที่ #ก่อโรคโควิด กันต่อไป