10 คำถามควรรู้เกี่ยวกับโรค ASF ที่ทำให้หมูขาดตลาด และแพง
ปัญหาสินค้าแห่ขึ้นราคาแทบจะทุกชนิดเริ่มส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง จากที่เนื้อหมูราคาแพง ขยายไปยังเนื้อไก่ ไข่ไก่ และเนื้อปลา ตามที่มีคนกล่าวอ้างว่าเพราะเกิดโรคระบาดขึ้น จนทำให้หมูตายเป็นจำนวนมากทั่วโลก และในประเทศไทย แล้วโรคระบาดดังกล่าว คืออะไร มาหาคำตอบไปด้วยกัน
1. ASF ย่อมาจาก African Swine Fever หรือโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร เป็นโรคติดเชื้อรุนแรงในสุกร มีความคงทนสูงในสภาพแวดล้อม อยู่ในสภาพแวดล้อมได้นาน และอยู่ในเนื้อสุกรแช่แข็งได้หลายปี
2. โรค ASF ติดในสัตว์ประเภทสุกร เท่านั้น ทั้งสุกรเลี้ยง และสุกรป่า
(#ไม่ติดคน !!! คนกินเนื้อสุกรที่เป็นโรคดังกล่าวก็ไม่มีอันตราย)
3. สุกรมักติดเชื้อ ASF จากการกินเศษอาหารที่มีเชื้อโรคเข้าไป และการสัมผัสเชื้อที่ปนเปื้อนมากับคน สิ่งของ รถขนส่ง และสัตว์พาหะ
4. เชื้อโรค ASF มีความคงทนต่อสภาพแวดล้อม ดังนี้
– อยู่ในมูลสุกร และสิ่งแวดล้อม ได้ประมาณ 1 เดือน
– อยู่ในซากสัตว์ และในดินได้ถึง 3 เดือน
– อยู่ในเนื้อแปรรูป เนื้อแห้ง ได้ถึง 1 ปี
– อยู่ในเนื้อแช่แข็งได้ถึง 3 ปี
5. เชื้อโรค ASF สามารถตายด้วยความร้อน 60°C ใช้เวลาประมาณ 30 นาที และมีรายงานการทดสอบยาฆ่าเชื้อส่วนใหญ่สามารถฆ่าเชื้อ ASF ได้
6. สุกรที่ติดเชื้อจะมีอาการไข้สูง จุดเลือดออก อาเจียน ถ่ายเป็นเลือด และตายเกือบ 100% โดยสุกรจะแสดงอาการหลังติดเชื้อประมาณ 3-4 วัน
7. ระบาดครั้งแรกที่ประเทศเคนย่า ทวีปแอฟริกาเมื่อปี 2464 ปัจจุปันแพร่ระบาดไปยังทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย สำหรับทวีปเอเชีย พบการระบาดครั้งแรกที่จีนเมื่อเดือนสิงหาคม 2018
8. สามารถวินิจฉัยอาการและรอยโรค ด้วยการทดสอบ ASF Rapid test, ASF-ELISA และ ASF-PCR
9. ปัจจุบันยังไม่มียารักษาและวัคซีนป้องกัน
10. การป้องกันโรค ASF สามารถทำได้ 3 ระดับดังนี้
- การป้องกันโรคระหว่างประเทศ (International biosecurity) การห้ามนำเข้าเนื้อและวัตถุดิบจากประเทศที่เกิดโรค
- การป้องกันโรคภายในประเทศหรือระหว่างฟาร์ม หรือจากหน่วยงานภายนอกฟาร์ม เช่น โรงงานอาหารสัตว์ โรงฆ่าสัตว์ บริษัทยาสัตว์ บริษัทอุปกรณ์เลี้ยงสัตว์ เป็นต้น
- การป้องกันโรคระดับฟาร์ม (Farm biosecurity) ปรับระบบการเลี้ยงให้ได้มาตรฐาน GRM หรือ GAP, งดให้เศษอาหาร ถ้าจำเป็นควรต้มให้สุกก่อน, สังเกตอาการสุกรอย่างสม่ำเสมอ หากพบอาการผิดปกติ หรือแจ้งเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ทันที หรือติดต่อ Call Center 063 225 6888 หรือแอพพลิเคชั่น DLD 4.0
*** ห้ามเคลื่อนย้ายสุกรออกจากฟาร์ม
** ห้ามผ่าชันสูตรซากเองในฟาร์ม